วันนี้ (6 ธันวาคม 2568) เวลา 12.19 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ รองปลัดกระทรวงฯ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าร่วมพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอมสำหรับการจัดสร้างพระโกศจันทน์ และพระหีบจันทน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กรมอุทยานแห่งชาติฯ จัดขึ้น ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

โดยมี พลอากาศเอก จารึก สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นประธานในพิธี และมี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าร่วมในพิธี

ไม้จันทน์หอม สําหรับใช้ในงานพระราชพิธีฯ ครั้งนี้ เป็นต้นที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้นจันทน์หอมที่ขึ้นอยู่ในบริเวณเดียวกับที่เคยใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2551 และพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2558

โดยจากการสำรวจไม้จันทน์หอม ที่มีเส้นรอบวงเฉลี่ย 150 ซม. ความสูงเฉลี่ยเกิน 10 เมตร จำนวน 20 ต้น เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 พบว่ามีลักษณะและคุณภาพของต้นที่ค่อนข้างสมบูรณ์นำมาแปรรูปได้ จำนวน 10 ต้น ใช้ได้บางส่วน จำนวน 8 ต้น และภายหลังจากพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ จะดำเนินการตัดและแปรรูปตามระเบียบของทางราชการที่กำหนดไว้ พร้อมนำส่งมอบไม้ตามขนาดและจำนวนไม้ให้แก่สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เพื่อดำเนินการจัดสร้างพระโกศจันทน์ พระหีบจันทน์ ท่อนฟืนไม้จันทน์ และช่อไม้จันทน์ ในลำดับต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการตัดต้นจันทน์หอมแล้วจะได้มีการปลูกต้นจันทน์หอมทดแทนในพื้นที่ธรรมชาติ จำนวน 10 ต้น ต่อไม้จันทน์หอม 1 ต้น ที่ตัดนำไปใช้ในงานพระราชพิธีฯไม้จันทน์หอม พบกระจายอยู่มากในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำต้นเปลาตรง เปลือกจะเป็นสีเทาอมขาว หรือสีเทาอมน้ำตาล เนื้อไม้แข็งสีขาวมีความละเอียด หากทิ้งไว้ให้แห้งจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จุดเด่นของไม้จันทน์หอม คือ มีกลิ่นหอม หากเป็นต้นที่ “ตายพราย” คือ ยืนต้นตายตามธรรมชาติ แก่นไม้จะส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ผ่านมามีการนำไม้จันทน์หอมมาประกอบในพระราชพิธีนับตั้งแต่สมัยโบราณ โดยพบประวัติการใช้ไม้หอมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาตอนต้น จนถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ไม้จันทร์หอม จึงจัดเป็น “ไม้มงคลชั้นสูง” ที่มีบทบาทและความสำคัญต่อประเทศไทย

