เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางกรวย ได้รับแจ้งเหตุรถจยย.ถูกเฉี่ยวชนล้ม ก่อนรถตามหลังเหยียบซ้ำ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณช่องทางด่วน (ใกล้เคียงเซ็นทรัลเวสต์วิลล์) ถ.ราชพฤกษ์ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รีบรุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางด่วน เลนขวาสุด (มุ่งหน้าวงเวียนพระราม 5) พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ ร.ต.ต.สัมพันธ์ ปานบ้านเกร็ด รอง สว.(ป.) กก.1 บก.สกส.บช.ปส. (กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด) สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่เสื้อแขนยาวสีเขียวขี้ม้าทับด้านนอก สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ นอนหงายจมกองเลือด มีเลือดไหลออกบริเวณจมูก หน้าอกยุบ ขาขวาท่อนบนหัก พบกระเป๋าสะพายสีเขียวขี้ม้าของผู้เสียชีวิต ภายในมีอาวุธปืนกล็อก 19 จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุนเต็มแม็กซ์ และ บริเวณกระเป๋ากางเกงฝั่งขวา พบอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุนเต็มแม็กซ์ มีหมวกกันน็อคแบบเต็มใบตกหล่นอยู่ในที่เกิดเหตุ ใกล้กันพบรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CT 125 สีดำ-แดง หมายเลขทะเบียน 1กล 757 นครปฐม ของผู้เสียชีวิตพลิกคว่ำอยู่

ถัดมาบริเวณเลนซ้ายของช่องทางด่วนพบรถแท็กซี่ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทฬ 4794 กทม. พุ่งชนกับรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บท 8064 ชัยภูมิ ที่หักหลบรถจยย.ของผู้เสียชีวิต สภาพด้านหน้ารถพังยับทั้ง 2 คัน ห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถกระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์สีดำ หมายเลขทะเบียน บต 2367 กทม. บริเวณด้านหน้ารถมีร่องรอยเฉี่ยวชน ป้ายทะเบียนหลุด ด้านคนขับรถยนต์ทั้ง 3 คัน ได้ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งต่อมาภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่เกิดเหตุด้วยอาการโศกเศร้าเสียใจ และไม่สะดวกให้สัมภาษณ์
นายจำลอง ละอองศรี อายุ 60 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ กล่าวว่า ตนกำลังขับรถไปส่งผู้โดยสาร จาก BTS บางหว้า มุ่งหน้าหมู่บ้านคาซ่าวิลล์ รัตนาธิเบศร์ ซึ่งตนอยู่เลนซ้าย รถกระบะอยู่เลนกลาง ขับไล่ๆกันมา ตอนนั้นตนเห็นรถจยย.ขับขี่อยู่เลนซ้ายด้านหน้าตน ห่างประมาณ 20 เมตร อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนไปเลนกลางแบบกะทันหันโดยไม่ได้มีรถหรือไม่ได้หลบอะไร รถกระบะเลยชนและหมุนมาเลนซ้ายสุด ตนจึงชนกับรถกระบะเพราะเบรคไม่ทัน เป็นเหตุสุดวิสัย หลังจากเกิดเหตุตนได้ให้ผู้โดยสารที่มาด้วยกันขึ้นรถอีกคันไปแทน ตอนนี้ตนรู้สึกตกใจมาก สั่นไปหมด ขับรถมา 40 กว่าปีไม่เคยชนหนักขนาดนี้ พอรู้ว่าคนขับขี่รถ จยย. เสียชีวิตก็ยิ่งตกใจและสั่นเข้าไปอีก เบื้องต้นตนไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนรถแท็กซี่มีประกัน คืนนี้กะว่าไปส่งผู้โดยสารเสร็จแล้วก็จะกลับเข้าบ้าน เพราะเป็นเที่ยวสุดท้าย แต่ดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
นายนิโรจน์ บุญคำภาว์ อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย กล่าวว่า ตนขับรถมาจากบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขับมาเรื่อย ๆ ซึ่งขณะนั้นรถตนอยู่เลนกลาง จังหวะกำลังขึ้นสะพานอยู่ดี ๆ ก็เห็นรถ จยย.ที่อยู่เลนซ้ายเปลี่ยนเลนเข้ามาที่เลนกลาง ตนจึงหักหลบทำให้บริเวณไฟหน้ารถไปชนผู้เสียชีวิต และรถของตนได้ไปชนกับแท็กซี่อีกคัน ซึ่งตนไม่ได้สังเกตว่ามีรถตามหลังหรือไม่ เพราะตกใจมาก และห่วงแฟนที่มาด้วยกัน จังหวะชุลมุนจริง ๆ พอตั้งสติได้ลงมาดูพบว่าคนขับขี่รถ จยย. เสียชีวิตแล้ว ในชีวิตไม่เคยขับรถชนใครครั้งนี้เป็นครั้งแรก ยืนยันว่ารถ จยย. อยู่เลนซ้ายและเปลี่ยนเลนกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ จังหวะตนขึ้นสะพานจึงมองไม่เห็นพอดี แต่ถ้าเกิดอยู่ไกลและไม่ได้ขึ้นสะพานยังสามารถเบรคได้ ซึ่งตนพยายามหักหลบแล้วแต่ไม่พ้น รถกระบะของตนไม่มีกล้อง ส่วนตนไม่ได้รับบาดเจ็บ มีแต่แฟนบาดเจ็บตรงขา
นายธนพล เลิศพร้อมพันธุ์ อายุ 21 ปี อาชีพค้าขาย กล่าวว่า เหตุเกิดเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ขณะตนขับรถมามุ่งหน้าจะกลับ จ.สิงห์บุรี ที่เห็นเหตุการณ์คือเหมือนรถจยย.อยู่เลนขวาสุดและเปลี่ยนเลนกะทันหัน ทำให้ชนกับรถกระบะอีกคัน และรถกระบะหมุนไปชนกับแท็กซี่ ส่วนตนขับตามหลังมาเลยโดนรถ จยย.กระแทกซ้ำ ตนรู้สึกกลัว เพราะเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนแรกไม่รู้ว่าคนขับขี่รถ จยย. เสียชีวิต ที่รถตนไปจอดห่างเพราะมีรถตามหลังมาไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำเลยไปจอดห่างจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งรถของตนไม่มีกล้องหน้ารถ ยืนยันว่าตนไม่ได้เหยียบซ้ำอยากบอกกับทางญาติผู้เสียชีวิตว่าไม่มีใครให้อยากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

