สนง.สถิติแห่งชาติ ชี้ ปชช. ต้องการให้ รบ. “แก้ปัญหาค่าครองชีพ” เป็นของขวัญปีใหม่ 69 มากที่สุด, เหยื่อสแกมเมอร์ 62.6% ไม่ได้รับการช่วยเหลือ อยากให้รัฐใช้ กม.เด็ดขาดปราบมิจฯ ออนไลน์

154

กรุงเทพฯ, วันที่ 4 ธ.ค. – ดร.เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ ดำเนินการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2569 (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล) ระหว่าง วันที่ 18 – 23 พฤศจิกายน 2568 พบว่า ประชาชนตัวอย่างร้อยละ 86.1 ต้องการให้รัฐบาล “แก้ปัญหาค่าครองชีพ” เช่น ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา เป็นต้น ในสัดส่วนที่สูงที่สุด รองลงมา การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ร้อยละ 39.7, แก้ปัญหาภาคเกษตร เช่น ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ปุ๋ยเคมีราคาแพง เป็นต้น ร้อยละ 32.8, แก้ปัญหาหนี้สิน ร้อยละ 32.7 และเพิ่มสวัสดิการต่าง ๆ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ การรักษาพยาบาล เป็นต้น ร้อยละ 29.5

ความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาล ประชาชนตัวอย่างร้อยละ 24.0 มีความพึงพอใจต่อผลงานรัฐบาลเมื่อบริหารงานครบ 1 เดือน ในระดับมาก ร้อยละ 20.6 – มากที่สุด ร้อยละ 3.4 ขณะที่ ร้อยละ 52.4 พึงพอใจในระดับปานกลาง, ร้อยละ 18.8 พึงพอใจในระดับน้อย และร้อยละ 4.8 พึงพอใจในระดับน้อยที่สุด โดยประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 34.5 พึงพอใจในระดับมาก – มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น ขณะที่กรุงเทพมหานครร้อยละ 11.0 พึงพอใจในระดับมาก – มากที่สุด ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าภาคอื่น

ประชาชนตัวอย่างร้อยละ 23.1 มีความเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของรัฐบาลในระดับมาก ร้อยละ 19.7 และมากที่สุดร้อยละ 3.4 ขณะที่ ร้อยละ 53.0 เชื่อมั่นในระดับปานกลาง ร้อยละ 19.0 เชื่อมั่นในระดับน้อย และร้อยละ 4.9 เชื่อมั่นในระดับน้อยที่สุด โดยประชาชนตัวอย่างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 32.3 เชื่อมั่นในระดับมาก – มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น ขณะที่กรุงเทพมหานครร้อยละ 11.6 เชื่อมั่นในระดับมาก – มากที่สุด ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าภาคอื่น

ประเด็นรูปแบบการหลอกลวงออนไลน์/โทรศัพท์ที่ประชาชนทราบ/รับรู้ข่าวสาร ประชาชนตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 80 ทราบรูปแบบการหลอกลวงที่ทราบ 2 อันดับแรก ได้แก่ หลอกลวงซื้อขายสินค้า/บริการออนไลน์ ร้อยละ 97.5 และหลอกให้โอนเงินโดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงาน ร้อยละ 97.4 โดยประชาชนตัวอย่างร้อยละ 89.7 ทราบช่องทางในการแจ้งเรื่องการถูกหลอกลวง 3 อันดับแรก ได้แก่ แจ้งตำรวจ ในสัดส่วนสูงสุด ร้อยละ 80.0, แจ้งธนาคารหรือหน่วยงานให้ระงับ/อายัดบัตร ร้อยละ 43.2 โทรสายด่วน 1441 ร้อยละ 35.3, แจ้งกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน/ผู้นำชุมชน ร้อยละ 25.4 และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ ร้อยละ 15.8

ส่วนการดำเนินการและได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 23.9 ดำเนินการและ ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ, ร้อยละ 13.5 ดำเนินการ และอยู่ระหว่างกระบวนการช่วยเหลือ ขณะที่ร้อยละ 62.6 ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ โดยสาเหตุที่ไม่ดำเนินการ 3 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่าความเสียหายน้อย ร้อยละ 40.4, เสียเวลาในการดำเนินการ/กระบวนการทางกฎหมายล่าช้า ร้อยละ 19.6 และขั้นตอนยุ่งยาก/ซับซ้อน ร้อยละ 8.6

เรื่องที่รัฐบาลควรดำเนินการเร่งด่วน 5 อันดับแรกในการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงฯ พบว่า บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ทั้งผู้กระทำความผิดและผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ร้อยละ 61.4, ให้ความรู้แก่ประชาชนให้รู้เท่าทันกลโกงออนไลน์ ร้อยละ 61.0, เตือนภัยรูปแบบการหลอกลวงออนไลน์/โทรศัพท์ให้แก่ประชาชน ร้อยละ 59.8, ให้ความช่วยเหลือ/เร่งคืนเงินผู้เสียหายอย่างรวดเร็ว ร้อยละ 51.5 และยึดและอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องทันทีเพื่อตัดเส้นทางการเงิน ร้อยละ 42.1

ความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงของรัฐบาล ประชาชนตัวอย่างร้อยละ 18.8 ระบุว่ามีความเชื่อมั่นในระดับมากร้อยละ 16.5 และมากที่สุดร้อยละ 2.3 ขณะที่ร้อยละ 48.0 เชื่อมั่นในระดับปานกลาง, ร้อยละ 26.1 เชื่อมั่นฯ ในระดับน้อย และร้อยละ 7.1 เชื่อมั่นฯ ในระดับน้อยที่สุด โดยประชาชนตัวอย่างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 28.7 เชื่อมั่นฯ ในระดับมาก – มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น

“ผลการสำรวจที่ผมกล่าวไป ถือเป็นครั้งที่สองของโครงการ “Quick survey สำนักงานสถิติแห่งชาติ 4 เดือน (ต.ค. 68 – ม.ค. 69)” สำนักงานสถิติแห่งชาติยังมีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน อีก 2 ครั้งหลังจากนี้ สามารถติดตามผลสำรวจประจำเดือนได้ทางเว็บไซต์สำนักงานสถิติแห่งชาติ www.nso.go.th และทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ พิมพ์ NSOOFTHAILAND” ดร.เอกพงษ์ กล่าว

การสำรวจครั้งนี้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีสัมภาษณ์ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งอาศัยอยู่ในครัวเรือนส่วนบุคคลทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 6,000 ราย ใช้แผนการสุ่มตัวอย่างแบบ Stratified Two – Stage Sampling เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นตัวแทนของประชาชนทุกภูมิภาค ของประเทศ โดยกำหนดความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95.0