ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. แถลงความคืบหน้ากรณี ที่น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงลวงซื้อที่ดิน ท้องที่สภ.บ้านตาก จ.ตาก ต่อมาพบว่าเหตุเกิดเพราะถูกนำบัตรประชาชนไปแอบอ้างเปิดบัญชีธนาคาร ตำรวจชุดศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการสืบสวนกระทั่งจับกุม ผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายอายัค ไซมอน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน 2.นางสาวเจรติ หรือแอน สายสิน 3.นางสาวปวีณา หรืออ้อม สิงห์วิบูลย์ 4.นางสาวพรหมพร หรือแตน พงษ์เจริญคุณากร โดยการจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจมีจากการสืบสวนหาข่าวตั้งแต่วันที่ 12 ถึง16 ม.ค. 61 กระทั่งพบว่ามีคนร้ายนำบัตรประชาชนของนางสาวณิชา เกียรติ เพิ่มอีก 1 ธนาคาร 1บัญชี รวมเปิดบัญชีธนาคาร 8 ธนาคาร 10 บัญชี
ผบ.ตร. กล่าวว่า คนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน โดยนายอายัค ทำหน้าที่จ้างวานหาบัญชี และเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน ส่วนนางสาวเจรติ หรือแอน สายสิน ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 3 บัญชี นางสาวปวีณา หรืออ้อม สิงห์วิบูลย์ ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 5 บัญชี ขณะที่นางสาวพรหมพร หรือแตน พงษ์เจริญคุณากร ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 2 บัญชี ซึ่งมีการกระทำความผิดหลายพื้นที่ ทั้ง สน.ห้วยขวาง , สน.ภาษีเจริญ , สน.ทุ่งมหาเมฆ สน.ลาดพร้าว , สน.หลักสอง , สภ.นนทบุรี และ สน.วังทองหลาง แผนประทุษกรรมลักษณะนี้คล้ายกับแก๊งโรแมนซ์สแกม แต่ที่เหมือนกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือการหลวงลวงประชาชนเหมือนกัน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้น สามารถตอบข้อสงสัยของสังคมได้ ตามพยาน หลักฐานที่ปรากฏขณะนี้ยังไม่พบว่านางสาวณิชามีความผิด ในคดีที่สภ.บ้านตาก ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง ถูกกลุ่มคนร้ายนำบัตรประชาชนที่น.ส.ณิชาทำหายไปแอบอ้างเปิดบัญชีและก่อเหตุหลอกลวงจริง การสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ พิสูจน์ได้ว่า น.ส.ณิชา และครอบครัวบริสุทธิ์ ไม่มีความผิด ในทางคดีที่สภ.บ้านตาก พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและสั่งไม่ฟ้อง น.ส.ณิชาต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรม ส่วนเงินหมุนเวียนในบัญชีของน.ส.ณิชา จำนวน 6 ล้านบาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นเงินหมุนเวียนตั้งแต่ปี 2554 ไม่มีความเชื่อมโยงกับการทำความผิด และไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยการคลี่คลายคดีดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้ความสำคัญและกำชับให้ช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสงสัยที่นางสาวณิชา ทำบัตรประชาชนหลายครั้ง และหายถึง 2 ครั้ง จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.นิชา ทำบัตรประชาชนหลายครั้งตามวงรอบที่กฎหมายกำหนดและทำหาย 2ครั้ง บัตรหายครั้งแรก คือบัตรที่ทำเป็นใบที่ 2 ทำหายที่ร้านสะดวกซื้อ และ น.ส.ปวีณา คนร้าย ได้แอบอ้างรับบัตรจากร้านสะดวกซื้อไป ก่อนจะนำไปเปิดสมุดบัญชีเงินฝากในเวลาต่อมา เรื่องนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องยืนยันแล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนที่พบว่ามีการโอนเงินจากน.ส.ปวีณา เข้าบัญชีจริงๆของ น.ส.ณิชา นั้นสืบสวนพบว่า เป็นเรื่องที่ น.ส.ปวีณา หักหลังกับนายไซม่อนเกี่ยวกับค่าจ้าง จึงโอนเงินเข้าบัญชีที่ตัวเองถือไว้ แต่เป็นชื่อ น.ส.ณิชา แต่ด้วยระบบอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้่งที่ทำการเชื่อมโยงบัญชีของผู้ใช้ที่มีชื่อ สกุล เลขบัตรประชาชนเดียวกัน จึงเกิดความผิดพลาด ทำให้ น.ส.ปวีณา เผลอโอนเงินเข้าบัญชีที่บังเอิญเป็นบัญชีจริงๆของน.ส.ณิชา และเมื่อน.ส.ปวีณารู้ตัวว่าดันโอนเงินผิด เข้าบัญชีให้ น.ส.ณิชา ตัวจริง จึงเอาบัตรประชาชนของน.ส.ณิชาอันที่หายไปที่น.ส.ปวีณาถืออยู่ไปแอบอ้างกับธนาคารเพื่อถอนเงินกลับในทันที โดยการสืบสวนพบว่า น.ส.ณิชา ไม่รู้เห็นเรื่องนี้จริงๆ เพราะเจ้าตัวไม่ได้ตั้งระบบเตือนการเคลื่อนไหวบัยชีทางข้อความ หรือเอสเอ็มเอสอเลิต เช่นเดียวกับประเด็นการโทรศัพท์ติดต่อกันโดยพบหมายเลขของน.ส.ณิชา ติดต่อกับกลุ่มคนร้าย และตอนแรกที่พบว่าน้องชายของน.ส.ณิชา ใช้เบอร์โทรที่เปิดโดยกลุ่มคนร้ายนั้น ที่แท้ความเข้าใจผิด น.ส.ณิชาหลงลืมว่าเบอร์ดังกล่าวที่น้องชายใช้ ตัวเองเคยเปิดใช้สมัยเรียนมัธยม ทิ้งซิมไว้ จนน้องชายมาใช้ล็อคอินเฟซบุ๊ก ประเด็นนี้จึงสิ้นสงสัยเช่นกัน กรณี น.ส.ณิชา นั้นตำรวจกระจ่างทุกประเด็นไม่มีความสงสัยว่าเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็คเตอร์ หรือโนแมนซ์สแกมแน่นอน
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หลักพาล หารือกับตัวแทนธนาคารต่างๆ เพื่ออุดช่องโหว่ของธนาคาร ไม่ให้มิจฉาชีพก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อีก และขยายผลเครือข่ายนี้ ว่ามีผู้อื่นร่วมอีกหรือไม่ และมีการนำบัตรของผู้อื่นมาทำเช่นนี้อีกหรือไม่ แต่ตอนนี้พบเพียงกรณีของน.ส.ณิชา
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีที่ น.ส.ณิชา ถูกคุมตัวที่สภ.บ้านตาก ถึง 2 คืนนั้น จนถึงขณะนี้พูดคุยแล้ว เจ้าตัวไม่ติดใจเอาความ แต่อย่างไรก็ตามน.ส.ณิชา มีสิทธิตามกฎหมาย สามารถไปร้องขอการเยียวยาที่คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมได้
ขณะที่นางสาวณิชา พร้อมพี่สาวเดินทางมามอบดอกไม้ให้กับ ผบ.ตร. และคณะทำงาน พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะศูนย์ปราบคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำให้ความจริงปรากฏและขอโทษที่เข้าใจผิดในกระบวนการทำงานของตำรวจ
น.ส.ณิชา กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ทุกอย่างคลี่คลาย แต่ก็มั่นใจแต่แรกว่าจะจบแบบนี้เพราะตนรู้ตัวดีว่าไม่ได้ทำผิด ขอลคุณตำรวจที่คลี่คลายเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนให้กับตนเอง สังคม เป็นกรณีตัวอย่าง เรื่องแบบนี้สามารถเกิดได้กับทุกคน ถ้าใครที่เคยทำบัตรหายให้รีบไปแจ้งความ จะได้หาวิธีป้องกันให้ทันท่วงที ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นข่าวปรากฏตามสื่อ การใช้ชีวิตค่อนข้างไม่ปกติ เพราะต้องเดินสายพบเจ้าหน้าที่ พบสื่อตลอด ส่วนจะมีการฟ้องธนาคารหรือไม่นั้น ขอปรึกษากับทนายความก่อน เพราะตนไม่มีความรู้ในด้านข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทางครอบครัว เพื่อน พี่น้อง ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด