ระฆังทอง ไม้ดอกสีเหลืองสดที่ซ่อนตัวตามชายป่าดิบและริมลำห้วย กลีบพริ้วดุจระฆังเคลือบทอง สะท้อนเรื่องราวของพืชพื้นถิ่นงดงามที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และปลูกประดับ

ระฆังทอง—อัญมณีสีเหลืองของผืนป่า
เมื่อยามสายลมพัดผ่านชายป่าดงดิบชื้น เสียงใบไม้เสียดสีกันเบาๆ คือสัญญาณว่าธรรมชาติกำลังขยับตัว และท่ามกลางสีเขียวหนาทึบของผืนป่า กลีบดอกสีเหลืองสดของ “ระฆังทอง” (Pauldopia ghorta) คือแสงเล็กๆ ที่ส่องประกายขึ้นมาอย่างสง่างาม
ระฆังทองเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงราว 3–7 เมตร แตกกิ่งโปร่งสวยงาม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3–4 คู่ ลักษณะเด่นคือก้านใบย่อยที่มี “ปีก” แคบๆ ตลอดแนว ใบรูปไข่แกมรี บางและอ่อนนุ่ม ขอบใบมีขนละเอียด โดยเฉพาะด้านท้องใบ เมื่อแสงแดดลอดผ่าน ใบจะสะท้อนสีเขียวอ่อนราวกับแต้มแสงในป่า

แต่สิ่งที่ทำให้ต้นไม้นี้เป็นที่รู้จัก คือ “ดอกสีเหลืองสด” ที่มีแต้มสีน้ำตาลแดงบริเวณคอ กลีบดอกทรงหลอดยาว ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดูละม้ายระฆังใบเล็กๆ ที่ห้อยระย้าอยู่ตามกิ่ง ดอกออกเป็นช่อห่างๆ ยาวได้ถึง 17 เซนติเมตร เมื่อบานพร้อมกันทั้งช่อ ราวกับกระดิ่งทองสั่นตามจังหวะลม
หลังฤดูดอก ผลจะพัฒนาเป็นฝักยาวเรียวกว่า 20 เซนติเมตร แตกออกเมื่อแก่ เผยเมล็ดแบนแข็งที่ไร้ปีก แตกต่างจากพืชในวงศ์เดียวกันหลายชนิด เมล็ดเหล่านี้คือความหวังในการขยายพันธุ์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเฉพาะตัวของป่าดงดิบ

ระฆังทองพบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณชายป่าดิบหรือริมลำห้วยที่ระดับความสูง 400–800 เมตร ที่ซึ่งความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมหล่อเลี้ยงให้พืชชนิดนี้เติบโต งามสงบ แต่เปล่งประกายในแบบของตน
แม้จะพบในธรรมชาติ แต่ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่นและดอกสีสด ระฆังทองจึงถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากเป็นเครื่องประดับสวน ยังเป็นบทสะท้อนคุณค่าของพืชพื้นถิ่นที่ควรอนุรักษ์ไว้
ยามดอกระฆังทองผลิบาน คือช่วงเวลาที่ธรรมชาติเปล่งเสียงเบาๆ ให้มนุษย์ได้ฟัง—เสียงที่บอกว่า หากเรารู้จักมองให้ลึกลงไป จะพบว่าในทุกมุมของผืนป่า ล้วนมีเรื่องราวงดงามซ่อนอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูล จากประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติฯ

