เวลา 9:00 น วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง นัดไต่สวนนัดแรกในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา กรณีใช้ตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” ในการลงสมัครเข้ารับการเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และแนะตำตัว โดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญา เนื่องจากเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ตามมาตรา 77 (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
ซึ่งวันนี้เป็นการนัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง จำนวน 4 ปาก ประกอบด้วยอดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา 2 คน เจ้าหน้าที่สืบสวนไต่สวน สำนักงาน กกต และปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม หรือ อว.
โดยพยานฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร สว. กลุ่ม 19 ได้ให้ปากคำว่าจากการตรวจสอบเอกสารของนางสาวเกศกมล ในใบสมัครสว 3 พบว่าใช้คำว่าศาสตราจารย์ จึงมีการไปตรวจค้นข้อมูลของหน่วยงานพบว่าไม่มีชื่อผู้คัดค้านได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นศาสตราจารย์และไม่พบเคยเป็นอาจารย์ หรือมีผลงานทางวิชาการ แต่การใช้ตำแหน่งนี้อาจจะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกเข้าใจผิด
ขณะที่ประเด็นทนายความของนางสาวเกศกมล ได้ถามซักค้านกรณีการได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์จากต่างประเทศนำมาใช้นำหน้าได้หรือไม่และมีกฎหมายฉบับใดที่ห้ามนำมาใช้
โดยพยานฝ่ายผู้ร้องยอมรับว่าการสมัครการสมัครสว.ไม่ได้มีกรอบกำหนดในเรื่องของการใช้วุฒิการศึกษา แม้จะเป็นวุฒิการศึกษาจากต่างประเทศ หากจะนำมาใช้จะต้องมีการเทียบ ส่วนการแนะนำตัวยอมรับว่าระเบียบ กกต.ไม่ได้ห้ามไว้ แต่จะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมยอมรับว่าได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาเฉพาะในประเทศไทยไม่ได้ตรวจสอบในต่างประเทศ
ขณะที่พยานปากที่ 2 ขึ้นเบิกความต่อศาลว่าผู้คัดค้าน ไม่มีสิทธิ์ใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ เพราะแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ FCE ไม่ใช่สถาบันระดับอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา เป็นเพียงหน่วยงานรับเปรียบเทียบวุฒิการศึกษาสำหรับชาวต่างชาติ และเปิดสอนระดับอนุบาลและประถมศึกษาเท่านั้น ผู้คัดค้านไม่เคยสอนหนังสือหรือมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และในการเทียบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกจะต้องมีวิทยานิพนธ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับและถูกบันทึกไว้ในระบบการค้นหาของการศึกษาทั่วโลก และเอกสารเทียบวุฒิการศึกษาของนางสาวเกศกมลที่นำส่ง กกต.
และให้สัมภาษณ์ผ่านทางสื่อมวลชน มีรายละเอียดที่แตกต่างและเปลี่ยนไป อีกทั้งยังพบว่าเอกสารการรับรองแต่ละหน้า ลายมือชื่อรับรองเอกสารไม่ใช่ลายเซ็นจริงแต่เป็นลายเซ็นจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเหมือนกันทุกฉบับ จะมีแตกต่างกันบ้างเรื่องความหนาและบางของลายเส้น อีกทั้งวันลงนามใบรับรอง ระบุวันที่ล่วงหน้าก่อนที่จะได้รับตัวเลขเอกสาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะการลงนามจะต้องกระทำเมื่อได้รับเอกสารแล้ว ไม่ใช่เป็นการลงนามไว้ล่วงหน้า
ต่อมาพบว่ามีการปรับแก้เอกสารเพื่อให้วันที่สอดคล้องกัน อีกทั้งแคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี้ FCE ให้ข้อมูลเท็จ โดยระบุในหน้าเว็บไซต์ว่ารัฐสภาไทยยอมรับการเทียบวุฒิจากมหาวิทยาลัยแล้ว และรัฐบาลไทยยังให้การยอมรับรัฐมนตรีที่เคยได้รับการเทียบวุฒิจากมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เห็นว่าการเข้าสู่ตำแหน่งศาสตราจารย์ของนางสาวเกศกมล ภายหลังได้รับการเทียบวุฒิปริญญาโทใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี โดยมีไทม์ไลน์ดังต่อไปนี้ ใช้ระยะเวลา 8 เดือน ใช้คำนำหน้าว่าดอกเตอร์ (ดร.) ต่อมาอีก 5 เดือน ใช้คำนำหน้าว่ารองศาสตราจารย์ จากนั้นอีกไม่นานก็ใช้คำว่าศาสตราจารย์
ทั้งนี้ ยังพบว่าผลงานทางวิชาการ 7 บทความที่อ้างอิงสำหรับการได้รับวุฒิการศึกษานั้นจากการตรวจสอบพบว่ามีเพียง 2 บทความเท่านั้นที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่ได้รับการยอมรับ พร้อมยอมรับว่าการตรวจสอบวุฒิการศึกษาของนางสาวเกศกมล เป็นเพียงการตรวจสอบจากเว็บไซต์ของต่างประเทศไม่ได้ตรวจสอบจากสถาบันการศึกษาในต่างประทศโดยตรง หลังจากที่นางสาวเกศกมลเดินออกมาจากศาล สีหน้ายังคงยิ้มแย้มและยังมีความมั่นใจ
สำหรับการไต่สวนนัดต่อไป ศาลได้นัดพยานผู้คัดค้านหรือพยานฝ่ายของนางสาวเกศกมล ในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 09.30 น

