กรุงเทพฯ, วันที่ 19 พฤศจิกายน – ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ร่วมงาน CONNEXT ED EDUCATION FORUM 2025: Thailand’s Education Future อนาคตการศึกษาไทย อนาคตประเทศไทย รวมพลังความร่วมมือ 3 ภาคส่วน ระยะที่ 4 มุ่งสู่อนาคตการศึกษาไทยที่ยั่งยืน จัดโดย มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี นำโดย องคมนตรี พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และภาคเอกชน โดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ พร้อมด้วยซีอีโอ คณะผู้บริหารจากองค์กรผู้ร่วมก่อตั้ง และพันธมิตร เข้าร่วม ณ ห้องประชุมแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 3 อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค (ฝั่ง West)

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา เดินทางมาถึง 9 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเกิดความยั่งยืนได้ด้วยวิสัยทัศน์ของ พลเอก ดาว์พงษ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ. ส่วนตัวเมื่อได้รับตำแหน่งก็ได้ขอคำแนะนำจากท่านองคมนตรี พร้อมนำมาขับเคลื่อนจนมีความก้าวหน้าในขณะนี้ เรื่องหนึ่งคือ วิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ที่จะนำมาบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน โดยในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ จะมีการจัดประชุมชี้แจงถึงความสำคัญของการเรียนวิชานี้ทั้งในรูปแบบออนไซต์ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ และออนไลน์ไปยังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะหลายคนยังมีความสงสัยว่าทำไมยังต้องเรียนประวัติศาสตร์ของชาติ ทั้ง ๆ ที่ในโลกยุคปัจจุบันก้าวไปสู่โลกดิจิทัลและ AI แล้ว
“การประชุมชี้แจงฯ ในครั้งนี้ ต้องการสร้างความเข้าใจร่วมกันของผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ตลอดจนครู บุคลากร และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้รู้ถึงความสำคัญของการสร้างการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนของเราได้รู้ถึงที่มาที่ไป และประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ ประเทศ แต่เชื่อว่ายังไงก็มีความแตกต่างกัน และแม้หลายคนบอกว่าล้าหลัง หรือจะนำลูกหลานไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์หรือโรงเรียนสองภาษา ก็จะต้องบอกว่า อย่างไรก็ต้องไปเรียนประวัติศาสตร์ของประเทศนั้น ๆ เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีความตั้งใจที่จะบริหารการศึกษาให้ปลอดจากการเมือง ไม่นำการเมืองเข้ามาแทรกในการศึกษาเด็ดขาด ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ศธ. ก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เช่นกัน” รมว.ศธ. กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวถึงโครงการอนาคตการศึกษาไทยฯ ว่า เป็นอีกเวทีที่รวมภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา และโรงเรียนต่าง ๆ มาทำงานร่วมกันเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัด ศธ. ถึง 29,005 โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก (มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน) กว่า 20,000 แห่ง กระจายอยู่ในชุมชนและตำบลทั่วประเทศ ที่ยังมีความขาดแคลนในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งตนมีเป้าหมายที่จะปรับวิธีการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามากขึ้น จากเดิมที่เน้นไปที่จำนวนนักเรียน ทำให้โรงเรียนเล็กมีเงินพัฒนาโรงเรียนน้อยกว่าโรงเรียนที่มีเด็กมากกว่า ทำให้เกิดความห่างมากขึ้น ซึ่งขณะนี้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้จัดเวทีสมัชชาการศึกษาร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อกำหนดเป็นแนวทางการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวแบบใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ ต่อไป
อีกเป้าหมายหนึ่งคือการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้ได้รับการพัฒนาตามศักยภาพ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อน จึงได้มอบให้ สพฐ. โดยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องลงไปทำงานคลุกคลีอยู่ในกับพื้นที่ เพื่อหาวิธีการจัดการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ที่ไม่ใช่แบบ one size fix all เหมือนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

“สิ่งหนึ่งที่ทาง ศธ. ต้องการให้มูลนิธิฯ สนับสนุนเพิ่มเติมคือ เรื่องของการศึกษาพิเศษ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มมีเด็กพิเศษมากขึ้น และกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายให้เด็กเหล่านี้ ได้รับการพัฒนาศักยภาพของตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าไปเรียนรวมในโรงเรียนทั่วไปได้ ที่จะต่อยอดการเรียนรู้และพัฒนาอย่างรอบด้านต่อไป รวมทั้งการปรับปรุงบ้านพักครู เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของครู ให้ครูมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและปลอดภัย ซึ่งปัจจุบัน สพฐ. มีบ้านพักครูอยู่ในความดูแลกว่า 41,000 หลัง โดยพบว่ามีสภาพทรุดโทรมกว่า 14,900 หลัง และในจำนวนนี้กว่า 13,000 หลัง ยังมีครูอาศัยอยู่จริง จึงกำหนดให้เป็น เฟสแรกในการเร่งปรับปรุงภายในปีนี้ และจะบรรจุในแผนพัฒนาเพื่อปรับปรุงให้ครบ 40,000 หลัง ภายในปีงบประมาณ 2570 ซึ่งล่าสุดเราได้ลงนามความร่วมมือ โครงการจัดสวัสดิการที่พักสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และการเคหะแห่งชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากทางมูลนิธิฯ จะร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ในโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่ายอยู่แล้ว ทาง ศธ.ก็จะยินดีอย่างยิ่ง” รมว.ศธ. กล่าว
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ศธ. มีความยินดีที่จะร่วมทำงานกับมูลนิธิฯ ต่อเนื่องร่วมกันอีกยาวนาน และพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานร่วมกันในทุกมิติ ทั้งระบบพัฒนา School Management System (SMS) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพการบริหารจัดการครอบคลุมทุกโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทุกแห่ง รวมทั้งการพัฒนาผู้บริหารและครู ที่สอดคล้องกับกับยุทธศาสตร์ของ CONNEXT ED ทั้ง 5 ด้าน อย่างเต็มที่

