กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมกรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการ “จบเกมส์กลโกงภาษี – Anti Tax Fraud Operation Phase 2” ปิดล้อมตรวจค้น 11 จุดในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ตาก เชียงใหม่ ลำปาง และกรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ครบทั้ง 9 ราย พร้อมยึดเอกสารเกี่ยวกับภาษีรวมกว่า 30,000 ฉบับ และคอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง

ปฏิบัติการครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. จำนวน 72 นาย และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร 8 นาย ร่วมเข้าตรวจค้นและจับกุม
จับกุมครบ 9 ผู้ต้องหา ทลายเครือข่ายบิลเท็จ–ขอคืน VAT 7%
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจุดสำคัญใน อ.แม่สอด ตาก, จ.เชียงใหม่, จ.ลำปาง และกรุงเทพฯ จับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 9 ราย พัวพันขบวนการออกใบกำกับภาษีปลอม อ้างการซื้อขายเท็จเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงนำบิลเหลือของร้านค้าจริงมาออกให้เครือข่ายเพื่อรับค่าตอบแทน
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกกล่าวหาในข้อหาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิ์,เจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม, นำใบกำกับภาษีปลอมไปเครดิตภาษีเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 90/4(3)(6)(7) โทษจำคุก 3 เดือนถึง 7 ปี ต่อหนึ่งกรรม ต่างกรรมต่างวาระ

กลโกงซับซ้อน ใช้บริษัทเครือญาติปลอมซื้อขายกันเอง ก่อนส่งออกสร้างสิทธิขอคืนภาษี
การสืบสวนพบว่าเครือข่ายใช้ร้านค้าและบริษัทที่จดทะเบียน VAT (ภ.พ.20) หลายแห่งแสร้งทำการซื้อขายสินค้าทอดต่อกันเพื่อเพิ่มมูลค่าราคา ก่อนใช้บริษัทส่งออกในเครือข่ายทำการซื้อสินค้าในราคาที่สูงเกินจริงแล้วส่งออกไปเมียนมาเพื่อสร้างเงื่อนไข VAT 0% ก่อนยื่นขอคืน VAT 7% จากภาษีซื้อปลอม
เฉพาะเฟสแรก พบความเสียหายกว่า 1,100 ล้านบาท ขยายผลเฟสสองพบร้านค้า–บริษัทเกี่ยวข้องเพิ่มอีก 7 แห่ง รวมความเสียหายสะสม กว่า 2,100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบ 2 บริษัทนอกเครือข่าย ซึ่งประกอบกิจการจริง แต่แอบ “ขายบิล” ให้กลุ่มผู้ต้องหา ใช้ใบกำกับภาษีเหลือออกให้โดยไม่มีการซื้อขายจริง
บริษัทส่งออกบางแห่งเพิ่งจัดตั้งเมื่อต้นปี 2565 แต่มีการขอคืนภาษีสูงถึง 60 ล้านบาทในเวลาเพียง 6 เดือน

บุกพร้อมกัน 11 จุด ตรวจยึดเอกสารหมื่นฉบับ–คอมพิวเตอร์เดลิคเอวิเดนซ์
เช้าตรู่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกว่า 80 นาย เข้าปฏิบัติการพร้อมกันใน 11 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ครบ 100% และตรวจยึดเอกสารสำคัญเกี่ยวข้องกับการยื่นภาษีกว่า 30,000 ฉบับ รวมถึงคอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง ส่งตรวจพิสูจน์เส้นทางการเงินเพิ่มเติม
การควบคุมการสั่งการดำเนินการจากศูนย์ RTCC ชั้น 8 อาคารประชาอารักษ์ โดยอธิบดีกรมสรรพากร และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมกำกับอย่างใกล้ชิด

ปิดเกมส์เครือข่ายโกงภาษีใหญ่สุดรอบปี กระทบเศรษฐกิจประเทศหนัก
การฉ้อโกงภาษีลักษณะนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศ และบั่นทอนความเชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจโดยรวม ตำรวจสอบสวนกลางและกรมสรรพากรยืนยันจะดำเนินมาตรการเชิงรุกต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลบเลี่ยงภาษีรูปแบบใหม่เกิดขึ้นอีก
ผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพ ขณะที่บางรายปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ส่งตัวทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

