“กัณวีร์” แนะ “อนุทิน” ประกาศตัวเป็นผู้นำสร้างสันติภาพ-ไม่รับรองผลเลือกตั้งเมียนมา ชี้หากสันติภาพไม่เกิด แก้อาชญากรรมข้ามชาติ-สแกมเมอร์ ไม่ได้ พร้อมเสนอมาตรการ 4 ตัด

713

กรุงเทพฯ วันที่ 7 พ.ย. – นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะเดินทางไปแม่สอด 10 พ.ย. นี้ ว่าจะขอฝากมาตรการแก้ปัญหาชายแดนฝั่งตะวันตกที่มีผลกระทบต่อประเทศและพี่น้องชาวไทยชายแดนในหลาย ๆ เรื่อง ตนไม่อยากให้ นายกฯ หลงประเด็นกับการที่เรามุ่งหน้าปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่อาชญากรรมไซเบอร์ เป็นเพียงส่วนย่อยของอาชญากรรมข้ามชาติ การจัดลำดับความสำคัญสูงสุด กับการจัดการ Cyber Crimes โดยแค่เน้นบัญชีม้า การปราบปรามทางไซเบอร์ การตัดช่องทางสื่อสาร เส้นทางการเดินของเงิน การฟอกเงิน ยังคงทำให้อาชญากรข้ามชาติ หรือ “มาเฟียระดับโลก” เหล่านี้เคลื่อนย้ายทรัพยากรของพวกมันได้อย่างสบาย

นายกัณวีร์ ระบุว่า ตนเคยเสนอ “มาตรการ 4 ตัด” การตัดนั้นต้องตัดเครือข่ายทั้งระบบ คือ 1.เส้นทางการเดินทางของเงินที่ถูกนำมาฟอกโดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน 2.ขบวนการนำพา และค้ามนุษย์โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านต้องจัดการให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะถูกหลอกหรือเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ต้องสกัดกั้นทุกรูปแบบ 3. ตัดสถานประกอบอาชญากรรมนี้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา และกัมพูชา แต่ไทยต้องสามารถทำงาน track 2 ให้ได้ ต้องมีความอ่อนตัวในการใช้ช่องทางการคุยนอกเหนือจาก รัฐ-ต่อ-รัฐ ให้ได้ และ 4. ตัดตอนคนทำผิด ต้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุดและเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ ต้องจัดการให้ได้

“องค์ประกอบสำคัญทั้ง 4 ของอาชญากรรมข้ามชาติ คือ เงิน คน สถานที่ และตัวบงการพร้อมสมุนต่างๆ หากจะตัดแล้วต้องตัดให้มันจบและยั่งยืนครับ เรื่องนี้ท่านนายกฯ ต้องพิจารณาดีๆ อย่าทำให้กระแส Cyber Crimes มาบดบังความเป็นจริงของ Transnational Crimes นะครับ”

นายกัณวีร์ ระบุว่า การลงพื้นที่ของ นายกฯ ครั้งนี้ หากต้องการจะทำให้ชื่อของนายกฯ เป็น digital footprint ของการสร้างประวัติศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียน และโลกใบนี้  จะต้องกล้าประกาศว่า “ไทยจะเป็นผู้นำการสร้างสันติภาพในเมียนมา” ท่านต้องกล้าไปยืนที่ชายแดนแล้วตะโกนดังๆ ว่าการเลือกตั้งในเมียนมาที่จะเกิดขึ้นตอนปลายเดือนธันวาคม 2568 นี้ ไทยจะไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้งที่ทุกคนเรียกว่า “Shame Election” หรือการเลือกตั้งที่น่าละอาย

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เพียงแค่นี้นายอนุทิน จะเป็นตำนานแห่งอาเซียน เพราะในอาเซียนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันในประเด็นเมียนมา ทุกประเทศมีวาระส่วนตัว แต่ไทยต้องไม่ทำเช่นนั้น ไทยต้องมีจุดยืน อย่ามัวแต่มองซ้ายมองขวา ว่าเพื่อนๆ จะมีจุดยืนอย่างไร เพราะเราคือประเทศที่มีภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดกับการสร้างสันติภาพในเมียนมา แต่กลับมองดูเพื่อนๆ ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่มีความเด็ดขาดในเกมการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งน่าเศร้า

“แต่ผมรู้ดีว่าคำตอบท่านคืออะไร ท่านไม่กล้าหรอกครับ หากท่านยังฟังคำแนะนำจากคนที่ท่านกำลังจะถาม เพราะเขาจะบอกว่า อย่าเลยท่าน มันจะกระทบต่อจุดยืนทางการทูต โดยเฉพาะอาเซียนของการไม่แทรกแซง (Non-Interference) และประเทศไทยมีชายแดนยาวและหากเราตัดสินใจทำอย่างนายกัณวีร์ฯ พูด ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เมียนมาจะกระทบ โดยเฉพาะกับทางทหารเมียนมาที่เรามีความสัมพันธ์อย่างยาวนาน ตอนนี้เรามีปัญหาสถานการณ์ชายแดนกับกัมพูชาอยู่แล้ว อย่าเปิดศึกอีกด้านเลยท่าน status quo หรืออยู่เฉยๆ ดีกว่า” สส.พรรคเป็นธรรมกล่าว

นายกัณวีร์ ระบุว่า เข้าใจดีว่ารัฐบาลจะมองไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวหน้า มองไม่ออกถึงผลลัพธ์ของการแทรกแซงอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Interventions) ที่จะไม่ใช่แค่การสร้างสันติภาพในเมียนมา แต่จะสร้างความมั่นคงบริเวณชายแดน พี่น้องชาวไทยจะสงบ จะสามารถสร้างเศรษฐกิจชายแดนด้านตะวันตกทั้งหมด ความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะไม่มีใครหยุดยั้งได้ เราจะสามารถสู้กับภูมิภาคอื่นได้แค่สองประเทศเราไทยและเมียนมา ที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายจนต่างชาติมหาอำนาจต้องการเข้ามา ทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า และการพัฒนาต่างๆ

ทั้งนี้นายกัณวีร์เรียกร้องให้นายอนุทินไปดูเรื่องการปราบส่วยแรงงานเถื่อนชายแดนด้วย เพราะยังมีเก็บเงินผู้ลี้ภัยที่หลบหนีความตายมาอยู่หลบ ๆ ซ่อน ๆ รวมทั้งผู้ที่เข้ามาหางานทำเพราะที่บ้านหางานไม่ได้ ซึ่งการแก้ปัญหาทุกอย่างจะทำไม่ได้หากเมียนมายังไม่มีสันติภาพ

นอกจากนี้นายกัณวีร์ ยังเรียกร้องให้นายกฯ ไปตรวจเยี่ยมศูนย์สั่งการชายแดนเพื่อรับฟังข้อมูลว่าตอนนี้มีชาวไทย และต่างชาติ หนีกลับมาจากเงื้อมมือพวกแก๊งค์อาชญากรข้ามชาติได้กี่คน มีประเทศไหนมารับได้ไปแล้ว กลไกการคัดกรองเบื้องต้นเป็นอย่างไร กลไกการส่งต่อข้ามชาติ (NRM) เป็นอย่างไร “หากสันติภาพไม่เกิดขึ้นในเมียนมา ไอ้พวกนี้มันก็ยังอยู่ มันไม่มีทางปราบได้หมดหรอก นี่ผมยังต้องนั่งคุยกับกองกำลังฝั่งนู้นให้ตามคนโดนทำร้ายและให้ช่วยออกมาเป็นรายวันอยู่เลยท่านนายกฯ”

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่าทุกปัญหาจะยังคงอยู่ หากผู้นำสูงสุดของรัฐบาลไทยยังนิ่งเฉย ขาดความกล้าหาญ ที่จะทำให้ไทยผงาดเป็นผู้นำในภูมิภาคได้ ความเฉียบขาดทางการต่างประเทศที่ต้องไม่เพียงแค่มุ่งเน้นแต่การรักษา “เสถียรภาพทางการทูตของไทยในภูมิภาค” จึงจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ได้ “หากท่านเห็นชีวิตมนุษย์ที่สูญเสียไป และกี่ชีวิตที่ยังต่อสู้เพื่อนำมาซึ่งคำว่าคุณธรรม และกลับมามองจุดยืนทางการทูตไทยต่อภูมิภาคได้ เพราะนี่เป็นภัยของมนุษยชาติ Crime Against Humanity ท่านจะเป็นผู้นำแบบก้าวหน้าในเวทีโลก ขึ้นอยู่กับท่านแล้วครับ ท่านนายกฯ” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ