ที่ห้องพิจารณา 502 ศาลแขวงดุสิต ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดำ อ.607/2548 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายประพันธ์ คูณมี , นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ , สมณะโพธิรักษ์ , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายเทิดภูมิ ใจดี , นายพิภพ ธงไชย , นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี และนายทศพล แก้วทิมา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) , กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติและเครือข่ายประชาชนปกป้องแผ่นดิน เป็นจำเลยที่ 1- 10 ในความผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนประกาศ และข้อกำหนดห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้า หรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ หรือสถานที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
โดยอัยการยื่นฟ้องคดี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.58 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อวันที่ 8 ก.พ.54 กลุ่ม พธม. และกลุ่มที่ใช้ชื่อ “ เครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ ”ได้ตั้งเวทีชุมนุม ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งแกนนำได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีการบริหารประเทศของรัฐบาลกรณีความสัมพันธ์ไทย- กัมพูชา อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่มีเหตุการณ์กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธสู้คดี ซึ่งระหว่างการพิจารณาจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป และวันนี้ทุกคนก็เดินทางมาฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ โดย “นายสนธิ” อดีตแกนนำ พธม.ที่ถูกคุมขังในเรือนจำคดีความผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ก็ถูกเบิกตัวมาฟังคำพิพากษาด้วย โดยมีสีหน้าสดใส แต่ร่างกายค่อยซูบข้างผอมกว่าเดิม ซึ่งกลุ่มแกนนำเมื่อเจอกันก็ทักทายพูดคุยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
โดยศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พวกจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากการออกประกาศพื้นที่ห้ามบุคคลเข้า-ออก บริเวณถนนราชดำเนิน ดุสิต และพื้นที่ใกล้เคียงรอบทำเนียบ ของ ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย ฯซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 9 ก.พ.54 นั้นไม่มีสภาพใช้เป็นกฎหมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้คำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรที่ 45/2554 เรื่องจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ให้ ผบ.ตร.เป็น ผอ.ศูนย์ฯ ก็ลงประกาศในราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้วันที่ 18 ก.พ.54 ซึ่งเป็นวัน