“ทวี” ย้ำ กม.นิรโทษกรรมที่ดินเน้นช่วยชาวบ้านถูกฟ้องไม่เป็นธรรม ไม่เอื้อนายทุน “เล่าฟั้ง” ยันไม่ใช่ “ฉบับสุดซอย”

648

รัฐสภา, วันที่ 16 ตุลาคม พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตรมว.ยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราช บัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ โดย (กมธ.นิรโทษกรรมที่ดิน) โดยมี นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.เข้าร่วม โดยที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นในรายมาตราอย่างหลากหลาย และเป็นประโยชน์

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า คณะกรรมาธิการ มีความเข้าใจตรงกันชัดเจนแล้วว่า จะเน้นการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มราษฎรที่ถูกฟ้องว่าบุกรุกที่ดินของรัฐซึ่งถูกประกาศแนวเขตไปหลายล้านไร่ ทั้งที่ได้รับการคุ้มครองโดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งต่อมายังมีมติ ครม. เมื่อปี 2557 ที่ให้ยกเว้นไม่คุ้มครองผู้ที่บุกรุกและพวกนายทุน แต่มติ ครม.ดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงการคุ้มครองผู้ยากไร้ที่อยู่ในกรอบชัดเจน ทำให้คนกลุ่มนี้ยังคงถูกดำเนินคดี ซึ่งกมธ.ได้มาทำความเข้าใจตรงกันในส่วนนี้แล้ว และจะเน้นนิรโทษกรรมให้กับคนที่อยู่ในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ มีตัวเลขที่ชัดเจน เช่น กลุ่มที่อยู่ในที่ดินตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2541 มาจนถึงปี 2557 เพราะจะอยู่ในพื้นที่ประกาศคุ้มครอง

พันตำรวจเอก ทวี ย้ำเงื่อนไขสำคัญของกฎหมาย คือ บุคคลที่จะได้รับนิรโทษกรรมจะต้องอยู่ในที่ดินนั้นมานานแล้ว และทำกินในที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่เพื่อบุคคลอื่น ผู้ที่จะได้รับสิทธิ คือ ผู้ที่ครอบครองและใช้ประโยชน์มาก่อน และได้รับการผ่อนผันตามกฎเกณฑ์ของรัฐบาล ยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่เอื้อประโยชน์ให้นายทุน มุ่งเน้นที่กลุ่มชาวบ้าน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก

นอกจากนี้ในร่างกฎหมายยังมีประเด็นเรื่อง “การคืนสิทธิ์” ซึ่งเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาอย่างละเอียดเกี่ยวกับการที่รัฐประกาศแนวเขตทับที่ดินที่ประชาชนอาศัยอยู่มาก่อน โดยหากจะนิรโทษกรรมก็ต้องเป็นผู้ที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิเสร็จแล้ว เป็นต้น ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม กมธ.ชุดนี้ ถึง 2 วัน โดยจะทำความเข้าใจกับประชาชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และจะรวมรวบข้อมูลเพื่อพิจารณาให้ครอบคลุมและรอบด้านที่สุดต่อไป

ด้านนายเลาฟั้ง กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจเพราะเป็นหน้าที่ของ ส.ส. ที่ต้องช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนจากปัญหาที่ดิน แม้จะมีความกังวลจากบางฝ่าย แต่ขอยืนยันว่าเจตนาของคณะกรรมาธิการฯ คือ การช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ สำหรับข้อห่วงกังวลของหลายฝ่ายที่อาจมองว่าเนื้อหาของกฎหมายอาจนำไปสู่การ “นิรโทษกรรมสุดซอย” ซึ่งอาจมีคนบางกลุ่มเข้ามาแสวงหาประโยชน์นั้น กมธ.ได้ตีกรอบและควบคุมกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำว่า “เราไม่ได้ไปช่วยทุกคน แต่เราจะช่วยเฉพาะกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติและสมควรได้รับความช่วยเหลือจริงๆ”

สส.พรรคประชาชน กล่าวว่า ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือต้องเป็นกลุ่มคนที่มีความชอบธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่รัฐบาลเคยมีนโยบายคุ้มครองพวกเขาอยู่แล้ว เช่น มติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจึงไม่ใช่ผู้ที่สมควรถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้น