นับแต่เกิดสงครามไทย-กัมพูชา ส่งผลให้คนไทยตื่นตัวที่จะทวงคืนผืนแผ่นดินที่ถูกกัมพูชารุกคืบครอบครอง เนื่องจากรัฐบาล นักการเมือง ทหารและฝ่ายปกครอง ปล่อยปละละเลยมานาน เพราะมีผลประโยชน์ที่คอยเก็บเกี่ยวเข้าพกเข้าห่อกันมาโดยตลอด

ห้วงเวลานี้คนไทยส่วนใหญ่จึงโฟกัสไปที่การทวงคืนผืนแผ่นดิน มากกว่าที่จะใส่ใจกับหลายปัญหาที่กำลังจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในอนาคตอันใกล้
ยิ่งน่าเป็นห่วงหนักเมื่อนักการเมืองรวมถึงผู้กุมอำนาจทั้งหลายมัวแต่เล่นเกมชิงอำนาจ พุ่งเป้าฟาดฟันกันแบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ จนส่งผลให้รัฐบาลแต่ละชุดอยู่ในสภาพเป็ดง่อย อายุสั้น ล้วนแต่กลายเป็นช่องว่างให้ต่างชาติเข้ามารุกคืบยึดผืนแผ่นดิน สร้างอาณาจักร ประกอบธุรกิจแข่งกับคนไทย รวมถึงทำตัวน่าระอาในฐานะนักท่องเที่ยว
ซึ่งพฤติกรรมที่กล่าวนี้ประชาชนคนไทยตามเมืองท่องเที่ยวต่างทราบกันดีว่าเป็นชาวอิสราเอลหรือยิว ที่รุกคืบบุกไทยเป็นระลอกแบบค่อยเป็นค่อยไปแล้วฮุบผืนแผ่นดินพร้อมกับสร้างอาณาจักรของตัวเอง แบบมีเป้าหมายปักหลักอยู่ไทยแบบถาวร
เหตุผลหลักที่ชาวยิวเลือกปักหลักปักฐานบนผืนแผ่นดินไทย น่าจะมาจากภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ค่าครองชีพต่ำ ที่สำคัญคดีเข้าถึงผู้มีอำนาจไม่ว่าจะข้าราชการ นักการเมืองทั้งระดับประเทศและท้องถิ่นได้ง่ายเพียงแค่มีเงินไปกำนัล ทุกอย่างจะได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่
การรุกคืบของชาวยิวเกิดขึ้นมานานหลายปี เริ่มแรกมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว อยู่ต่อแบบลากยาวโดยใช้ช่องว่าของกฎหมายเข้าเมืองที่สามารถข้ามไปต่อวีซ่าที่ประเทศเพื่อนบ้านได้ หลายคนที่ตั้งใจมาปักหลักจะอยู่แบบให้กลมกลืนกับสังคมคนไทยแล้วหาโอกาสเข้าถึงนักการเมืองท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการติดสินบนหรือบางคนหาภรรยาเป็นคนไทย
แต่ด้วยนิสัยของและพฤติกรรมของชาวยิวที่มักดูถูกชาติอื่น สันดานกร่าง เอารัดเอาเปรียบที่คนที่ร่วมธุรกิจด้วย กระทั่งชาวบ้านในพื้นที่สุดจะทนจนเกิดการร้องเรียนผ่านหน่วยงานรัฐและสื่อมวลชน
ข้อกังวลคือ 1 พ.ย.นี้ เข้าฤดูไฮซีซั่น นักท่องเที่ยว ทั้งจาก ยุโรป เอเซีย โดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่มีจำนวนมหาศาล เกรดดีๆ มีกำลัง ทรัพย์มีอำนาจการใช้จ่าย จะหอบเงินนับหลายพันล้าน เข้ามาให้ประเทศไทย ถ้ามาเจอนักท่องเที่ยวชาวยิว ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ พวกเขาจะรู้สึกเช่นไร สื่อโซเชียล จะสื่อสารกันต่อๆ
นั่นคือสิ่งที่น่ากังวลใจ หน่วยงานภาครัฐ ควรต้องวางมาตาการป้องกันตัดไฟแต่ต้นลม อย่าเข้าตำรา หัวหายแล้วล้อมคอก คนในพื้นที่กำลังรอคอยเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวทีดีๆหอบเงินมาให้ประเทศเรานะ ต้องแคร์ความรู้สึกพวกเขาด้วย เพราะสถานะทางเศรษฐกิจ ของประเทศขณะนี้กำลังตกต่ำดิ่งสุดๆ เร่งจัดระเบียบกับปลาเล็ก แล้วรอเงินก้อนโตมากระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งเป็นวิถีทางเดียวที่รัฐบาลจะสร้างเม็ดเงินเข้ารัฐได้ แถมประชาชนผู้ประกอบการในพื้นที่เขาจะได้ลืมตาอ้าปาก กันถ้วนหน้า
ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตสังคมต่างให้ความสนใจนั่นคือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีผู้ใช้สื่อโซเซียลเล่าว่าปัญหานักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในปาย กลายเป็นปัญหาหนักหมอบอกว่าสูบกัญชาในโรงพยาบาลข่มขู่โวยวายหมอและพยาบาล มาทำธุรกิจและตั้งตัวเป็นนายทุน ประชนในพื้นที่นักท่องเที่ยวชั้นดี ต่างได้รับผลกระทบมาแล้ว
ซึ่งขณะเดียวกันมีรายงานข่าวของบางสำนักข่าวระบุว่ามีชาวอิสราเอลนับหมื่นคนมุงหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย โดยสมาคมชาวยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับเช่น โบสถ์ อนุญาตให้เฉพาะชาวยิวเข้าไป เปิดธุรกิจหลายอย่างรองรับสังคมชาวยิว อาทิ ร้านอาหาร รีสอร์ตและร้านตัดผม เป็นต้น
ซึ่งประเด็นที่ร้องร้องเรียนมีทั้งตำรวจ กอ.รมน. และฝ่ายปกครองลงไปตรวจสอบ ต่างให้คำตอบว่าไม่ได้เป็นตามที่ร้องเรียนอาทิ โบสถ์ให้ประชาชนคนไทยเข้าไปได้ กลุ่มก่อเหตุได้ผลักดันออกนอกประเทศไปแล้ว แต่มิได้อธิบายให้ชัดเจนว่าโบสถ์ เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวยิวหรือไม่ ถือครองอย่างไร รวมประเด็นธุรกิจร้านอาหารหรือรีสอร์ต ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
แต่อนุมานได้ว่าชาวยิวได้รุกคืบเข้าปักหลักที่ อ.ปาย มานานนับปีแล้ว พร้อมขยายฐานไปยึดพื้นที่ตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆเกือบทั่วประเทศ อาทิ พัทยา เชียงใหม่ เกาะสมุย เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และกำลังยึดป่าตอง จ.ภูเก็ต สร้างอาณาจักรแห่งใหม่ ไว้รองรับชาวยิว ที่ทยอยอพยพจากอิสราเอล
ข้อมูลเหล่านี้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้กันดีและหลายคนใช้สื่อโซเชียลที่มีอยู่ในมือแชร์ข้อมูลในลักษณะร้องเรียนไปถึงรัฐบาล หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอาทิ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกอ.รมน.ให้เข้าตรวจสอบชุมชนที่ชาวยิวอาศัย และประกอบธุรกิจ ทั้งรถเช่า ร้านอาหาร รีสอร์ตและโบสถ์
แต่เสียงร้องของชาวบ้านไม่ค่อยดังเท่าที่ควร เพราะปัญหายังคงอยู่ในสภาพเดิมๆ แถมนักท่องเที่ยวชาวยิวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงนี้ยังมีพฤติกรรมกร่างและทำตัวเป็นอันธพาลเหมือนเดิม สร้างความระอาให้นักท่องเที่ยวชาติเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายหนึ่งบอกว่าที่นักท่องเที่ยวชาติอื่นไม่อยากเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเพราะระอากับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวยิวและผู้ประกอบการชาวยิวที่ยึดเมืองท่องเที่ยวทำธุรกิจ และช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ไฮซีซั่น ยังหวั่นว่าถ้านักท่องเที่ยวชาวยิวแห่เข้ามาจำวนมากแล้วมีพฤติกรรมถ่อย เถื่อน นักท่องเที่ยวชาติอื่นอาจเบนเข็มไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านแทน
ประเด็นที่ยกมานำเสนอทั้งหมด รัฐบาล ข้าราชการ นักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น อาจองว่าเป็นปัญหาเล็กน้อยสามารถที่จะจัดการได้ง่าย เพราะจำนวนคนที่เข้ามายึดครองยังน้อยอยู่
แต่”จอมมารน้อย”อยากให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายเปิดมุมมองใหม่พร้อมศึกษาอุปนิสัยและพฤติกรรม รวมถึงฐานทางการเงินที่สนับสนุนของชาวยิวเสียใหม่ รวมถึงกลยุทธ์ในการรุกคืบเพื่อยึดผืนแผ่นดินนั้นแนบเนียนอย่างยิ่ง
ถ้า รัฐบาล ข้าราชการ นักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น อยากรู้นิสัยอันถาวรของชาวยิวว่าเป็นแบบไหน ลองไปเปิดวรรณกรรมเรื่องเวนิสวาณิช ของวิลเลียม เชกสเปีย ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แปลในปี พ.ศ. 2459 อ่านดู โดยเฉพาะตัวละครที่ชื่อไชล็อก จะทราบนิสัยอันแท้จริง แล้วจะมองว่าปัญหาที่ยิวรุกคืบยึดแผ่นดินไทยนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน !!!


