จับ 37 แรงงานกัมพูชาลักเข้าไร่อ้อยชายแดนสระแก้ว — ผบ.ตร.ลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล

373

โดรนหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศจับภาพกลุ่มคนในไร่อ้อย บริเวณหลักเขต 47-48 บ้านอ่างศิลา อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ก่อน ตชด.4 เข้าควบคุมตัวได้รวม 37 คน โดยเจ้าหน้าที่ระบุเป็นแรงงานกัมพูชาที่ลักลอบกลับเข้ามาทำงาน ขณะะ ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม มอบของและให้กำลังใจ พร้อมยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมายและประสานกำลังทหารรักษาแนวชายแดน

เมื่อช่วงตีสี่ของวันนี้ (13 ต.ค.2568) โดรนจับความร้อนหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา สามารถจับภาพกลุ่มคนจำนวนมาก เดินในไร่อ้อย บริเวณหลักเขต 47-48 บ้านอ่างศิลา ใกล้กับบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ระหว่างหลักเขต 47-48
จุดเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 4 จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบกลุ่มคนดังกล่าว เป็นแรงงานกัมพูชาทั้งหมด รวม 37 คน ก่อนจะคุมตัวมาเพื่อรอดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยส่วนใหญ่แรงงานกัมพูชาที่จับกุมในครั้งนี้เคยเข้ามาทํางานในประเทศไทยแล้ว ก่อนที่จะถูกรัฐบาลกัมพูชา เรียกตัวกลับประเทศตัวเอง จึงพยายามกลับเข้าประเทศไทยเพื่อหางานอีกครั้ง ทั้งนี้ภายใน2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถที่จะจับกุมชาวกัมพูชาที่ลักลอบ เข้าไทยได้อย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ ตชด.4 รวมทั้งสิ้น 155 คน
.
ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย พร้อมตรวจเยี่ยมกำลังพล บริเวณบ้านหนองจาน โดยหลังจากที่ผบ.ตร. เข้าไปดูความเรียบร้อยในพื้นที่ประมาณ 20 นาที ก็ได้ออกมามอบของและกล่าวให้กำลังใจกับกำลังพล พร้อมให้สัมภาษณ์ ว่า วันนี้ต้องการที่จะมาพบกำลังพลที่เป็นหน้าแนวของบ้านหนองจาน เพื่อให้กำลังใจ และนำสิ่งของมามอบให้ เพื่อดำรงชีพอยู่ที่นี่ และมาสอบถามว่ามีสิ่งใดที่ยังต้องการเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งอุปกรณ์และสาธารณูปโภคต่างๆ รวมไปถึงพูดคุยกันในเรื่องที่ต้องทำงานร่วมกับทหาร ที่ต้องปฏิบัติภายใต้ตามยุทธการทหาร
.
โดยเรื่องกำลังใจถือเป็นสิ่งแรกที่เราต้องถามกำลังพล ซึ่งตอนนี้ทุกคนมีกำลังใจดีมาก และมีความพร้อมในการปฎิบัติ ส่วนอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ก็มีการสลับเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล / ส่วนที่เข้าไปดูความเรียบร้อยภายในบริเวณบ้านหนองจาน ก็พบว่ามีบ้านอยู่ประมาณ 5 หลัง ที่มีการเคลื่อนย้ายคนกัมพูชาไปแล้ว แต่ในแนวลึกไปกว่านั้น ก็เป็นชุมชนที่มีบ้านหนาแน่นพอสมควร และเราก็กั้นแนวไว้ แต่คงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
.
ส่วนวันที่ 17 ก.ย. ที่มีการปะทะ ก็มีการถอดบทเรียนทุกขั้นตอน เพราะเชื่อว่าฝ่ายนั้นก็ถอดบทเรียนเช่นเดียวกัน และน่าจะมียุทธวิธีที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ตอนนี้ทางตำรวจมีความพร้อม แต่เราอยู่ภายใต้ยุทธการของทหาร ก็รอคำสั่งต่างๆ ตามกฎอัยการศึก เพื่อรักษาพื้นแผ่นดินไทยและอธิปไตยของเรา อะไรที่สามารถเจรจาได้ ก็ควรเจรจา แต่หากเจรจาไม่ได้ ก็ต้องใช้กฎหมายนำ / ซึ่งตำรวจเองต้องทำงานเป็น 2 ส่วน ทั้งแนวหน้า และแนวหลัง ที่ต้องดูแลและ เคลื่อนย้ายประชาชน ขณะเกิดสถานการณ์
.
ส่วนเรื่องการจับแรงงานลักลอบข้ามแดน ก็จะดำเนินตามกฎหมายไทย ก่อนที่จะผลักดันกลับทันที จะได้ไม่เป็นภาระในการดูแล
.
ขณะที่การผลักดันกัมพูชาออกจากในพื้นที่นั้น เป็นอำนาจของทหาร เราเตรียมความพร้อมรอรับคำสั่ง เพื่อปกป้องอธิปไตย “อยู่มานาน พูดกันรู้เรื่องก็รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะนี่คือพื้นที่แผ่นดินไทยของเรา ซึ่งไม่ได้อยู่ในเขตพิพาทด้วย เราจำเป็นต้องผลักดันและรักษาอธิปไตย พื้นแผ่นดินไทย ตำรวจก็พร้อมที่จะปฏิบัติในการรักษากฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย