วันที่ 1 ต.ค. 68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ ดีเดย์ ตนขอแสดงความยินดีกับผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมาในพื้นที่พักพิง 9 แห่งในไทย ที่วันนี้ได้สิทธิการทำงาน ได้ออกมานอกค่ายในรอบ 41 ปี ได้ยืนด้วยขาตัวเอง ไม่ต้องรอใครเอาอะไรมาให้อีกแล้ว พร้อมทั้งยังช่วยร่วมพัฒนาประเทศไทยด้วยการจ่ายภาษีไปพร้อม ๆ กัน
“นี่คือการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมครั้งสำคัญของไทยที่อยากให้สังคมไทยโอบรับพวกเขาได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่เพื่อร่วมพัฒนาสังคมไทย การจำกัดให้พวกเค้าต้องแบมือรอรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากคนอื่นตลอดเวลา 41 ปี มันเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างยิ่ง”
นายกัณวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า Win Win Solution ทั้งการที่ผู้ลี้ภัยกลับประเทศไม่ได้ ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 ได้ไม่หมด เราเก็บเค้าไว้เฉย ๆ เป็นเวลา 41 ปี ไม่รู้จะทำยังไง งบประมาณช่วยเหลือจากการบริจาคจากต่างชาติที่ใช้ในค่ายถูกตัด และหากยังเก็บเค้าไว้อยู่ ค่ายผู้ลี้ภัยอาจแตกและกระทบกับชุมชนไทยได้
“นี่คือการเห็นความสำคัญของพลังของทรัพยากรมนุษย์ โดยมองข้ามสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น อาทิ สัญชาติ เขตแดน และเน้นความสำคัญของความมั่นคงของมนุษย์ ในขณะเดียวกัน เราได้เติมเต็มสิ่งที่ไทยกำลังขาดหายไปในเรื่องประชากรถดถอย โดยไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ ที่ในอีก 4 ทศวรรษข้างหน้าประชากรไทยจะลดลงกว่าครึ่งหนึ่งด้วย และการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ยินดีด้วยกับประเทศไทยที่ได้รับคำชมจากเวทีระหว่างประเทศในการตัดสินใจครั้งนี้ด้วยครับ ชื่นชม ๆ”
นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญฝากถึงรัฐบาลใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นโยบายนี้เป็นก้าวย่างสำคัญต่อหลักการมนุษยธรรมนำการเมือง ที่ตนไม่อยากให้กลายเป็นช่องว่างให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์ เรียกรับส่วย เหมือนกรณี ส่วย สัญชาติ ที่ยังตามจับใครไม่ได้

