ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผย ภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพธุรกิจไทย แย่กว่าช่วง 1 ปีหลังโควิด เหตุ ศก.ฟื้นตัวช้า-ไม่ทั่วถึง ชี้ต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่ายแก้หนี้ยั่งยืน

603

กรุงเทพฯ วันที่ 4 ก.ย. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์หนี้ธุรกิจไทยเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน โดยทำการวิเคราะห์ Big Data จากฐานข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่เปิดเผยตัวตนของ NCB พบว่า ภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพของบัญชีธุรกิจในไตรมาส 1/2568 แม้จะทรงตัวใกล้เคียงช่วงปลายปี 2567 แต่ถ้าเทียบกับช่วง 1 ปีหลังเปิดประเทศจากวิกฤตโควิดแล้ว ตอนนี้มีสถานการณ์ที่แย่กว่า ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง

ธุรกิจยิ่งมีขนาดเล็ก ปัญหาคุณภาพหนี้ยิ่งมีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ เริ่มมีสัญญาณปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพขยายวงกว้างขึ้น จากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขยับขึ้นมาที่ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ โดยเฉพาะในธุรกิจที่พักแรม ค้าส่งค้าปลีก ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และยังคงต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจในภาคการผลิตที่อาจได้รับผลกระทบมากขึ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

จากการวิเคราะห์พฤติกรรมการชำระหนี้ พบว่า การปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุกของสถาบันการเงินเจ้าหนี้ มีประสิทธิผลในการช่วยชะลอปัญหาหนี้เสียได้ในกลุ่มหนี้ที่ยังมีวันค้างชำระไม่มาก แต่หากค้างชำระนานจนถูกจัดชั้น NPL แล้ว โอกาสกลับมาสู่ชั้นหนี้ดีขึ้นจะมีไม่ถึง 10% ดังนั้น การป้องกันปัญหาหนี้เสียในภาวะที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงควรเน้นช่วงก่อนการเป็น NPL มากขึ้น

ท้ายสุด การแก้หนี้อย่าง ‘ยั่งยืน’ ต้องอาศัยหลายองค์ประกอบ ได้แก่ 1. มาตรการที่ออกแบบเฉพาะและมีความเหมาะสมกับลูกหนี้แต่ละกลุ่ม 2. ความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งลูกหนี้ สถาบันการเงินเจ้าหนี้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 3. การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้ให้ธุรกิจ