รัฐสภา วันที่ 14 ส.ค. – นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 ในส่วนกระทรวงมหาดไทย ว่าอยากให้เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาค่ายผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมาที่อยู่ชายแดนไทยทั้ง 9 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด จำนวนกว่า 8 หมื่นคน ที่อยู่มากว่า 41 ปีแล้ว และรัฐบาลไทยรู้แล้วว่าค่ายผู้ลี้ภัยถูกตัดงบประมาณจากสหรัฐฯไปเมื่อสิ้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จึงต้องย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่เคยใช้งบในการดูแลค่ายผู้ลี้ภัย แต่หากในค่ายถูกตัดงบประมาณ คนที่กระทบคือคนไทย กว่า 3 แสนคน ที่อยู่รอบค่ายผู้ลี้ภัย เพราะถ้าผู้ลี้ภัยกว่า 8 หมื่นคน ต้องคนออกมานอกค่าย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบแน่นอน
“จากที่ดูงบประมาณของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะใน กรมการปกครอง ที่รับผิดชอบค่ายผู้ลี้ภัยโดยตรง ผมจะเข้าไปดูว่าจะมีโครงการแผนงานใดที่รับมือเรื่องนี้ไหม แต่ไม่มีสักบาทเดียว ทำไปได้ยังไง แล้วประชาชนชายแดนจะทำยังไงครับ ทำไมไม่มีความกล้าหาญ ผมไม่รู้ว่ารัฐมนตรี หรือ กระทรวงเสนอแล้วตัดออกไป แต่ทำไมไม่มีความกล้าหาญด้านมนุษยธรรม เราได้รับผลกระทบอย่างกรณีชายแดนไทยกัมพูชาไม่เพียงพอหรือครับ เราจะรอเอางบต่างชาติอย่างเดียวไม่ได้แล้วครับ ทำไมไม่เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง อย่างที่เคยเสนอให้ผู้ลี้ภัยกลายเป็นแรงงาน”

นายกัณวีร์ เชื่อมั่นว่า ประชาชนใน 8 อำเภอ 4 จังหวัด จะได้รับผลกระทบหากค่ายแตก เราจึงต้องมีแผนรองรับปัญหานี้ เพราะเป็นสิ่งที่เราจะบอกชาวโลกอย่างสง่าผ่าเผย เราควรเป็นผู้นำทางมนุษยธรรม ไม่ใช่ผู้ตาม ตนเห็นข่าว รมว.แรงงาน บอกว่าจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน จะรับแรงงานต่างชาติ 1 แสนคน รับผู้อพยพ 4 หมื่นคน ถือเป็นความกล้าหาญของกระทรวงแรงงาน แต่กระทรวงมหาดไทย ทำไมไม่กล้าหาญ ติดขัดตรงไหน ที่รัฐมนตรีหรือที่ไหน
“ผมเพิ่งทราบว่า เมื่อวานนี้กระทรวงมหาดไทยเพิ่งมีคำสั่งให้จัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาค่ายผู้ลี้ภัยถูกตัดงบ เป็นไปได้ยังไงครับ เพิ่งทำเมื่อวาน ทั้ง ๆ ที่เรารู้ตั้งแต่ปีที่แล้ว จะทันไหม ตอนนี้ก็มีข่าวว่าผู้หนีภัยจะออกมาข้างนอก ถ้ากระทบสาธารณสุข ความมั่นคง จะรับมือกันอย่างไรครับ ผมอยากถามด้วยว่าในช่วงที่ กมธ.พิจารณามีการพูดคุยหรือไม่ หรือจะเป็น รัฐมนตรีมหาดไทยที่ไม่มีความกล้าหาญพอ” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ

