ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการตำรวจ ปี พ.ศ. 2565 ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ และกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ 2567 ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.)-ผู้บังคับการ (ผบก.) ก.ตร. ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะมีการแต่งตั้งและโยกย้ายเกือบ 200 ตำแหน่ง
เมื่อส่องดูเก้าอี้นายพลที่ว่างจากการเกษียณอายุและลาออกก่อนเกษียณอายุ มีดังนี้ รอง ผบ.ตร. เกษียณอายุ 2 นาย ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณอายุ 5 นาย (รวมที่ปรึกษาพิเศษ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง และ พล.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี) ระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ยื่นไขก๊อกแล้ว 6 นาย เกษียณอายุ 5 นาย รวม 11 นาย
ระดับรอง ผบช. ยื่นลาออก 8 นาย เกษียณอายุ 19 นาย รวม 27 นาย ระดับ ผบก. ยื่นลาออก 7 นาย เกษียณอายุ 28 นาย รวม 35 นาย
เชื่อว่าในช่วงที่สำนักงานกำลังพลจัดทำบัญชีนายตำรวจที่มีคุณสมบัติครบที่จะขยับขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น คงจะไม่มีนายพลยื่นไขก๊อกอีก บัญชีแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.-จตช.-ผบก. จำนวนตำแหน่งจะเป็นดังนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขยับติดยศ พล.ต.อ. 2 นาย จะทำให้ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าง 7 ตำแหน่ง รวมกับที่เกษียณด้วย 5 นาย
ส่งผลให้ ผบช. ขยับเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. จำนวน 7 นาย เมื่อรวมกับที่ยื่นไขก๊อกและเกษียณอายุ 11 นาย ผบช. จะว่าง 18 เก้าอี้ รอง ผบช. ขยับติดยศ พล.ต.ท. 18 นาย ทำให้ระดับรอง ผบช. ว่าง 18 ตำแหน่ง เมื่อรวมกับรอง ผบช. ที่ไขก๊อกและเกษียณอายุ 27 นาย ตำแหน่งรอง ผบช. จะว่างจำนวน 45 ตำแหน่ง ทำให้ ผบก. ขยับเป็นรอง ผบช. จำนวน 45 ตำแหน่ง
ขณะที่ ผบก. ไขก๊อก 7 นาย เกษียณอายุ 28 นาย รวมตำแหน่ง ผบก. ว่าง 35 นาย เมื่อรวมกับ ผบก. ที่ขยับเป็นรอง ผบช. 45 นาย ตำแหน่ง ผบก. ว่าง 80 นาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะมีนายพลป้ายแดง จำนวน 80 นาย โดยขยับจากรอง ผบก.
เมื่อเปิดกฎกติกาการแต่งตั้งโยกย้ายตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ ส่วนที่ 5 วิธีการคัดเลือกหรือแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ ข้อ 47 ระบุว่า การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในแต่ละระดับให้พิจารณาตามความรู้ความสามารถจากบัญชีรายชื่อผู้อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
(1) ข้าราชการตำรวจที่จะคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับรอง ผบ.ตร. และจตช. ลงมาถึงผู้ช่วย ผบ.ตร. และรองจตช. ให้พิจารณาเรียงลำดับตามอาวุโส
(2) ข้าราชการตำรวจที่จะคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับผบช. และจเรตำรวจลงถึงระดับ ผบก. ให้พิจารณาเรียงลำดับตามอาวุโสไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของจำนวนตำแหน่งที่ว่างในแต่ละระดับตำแหน่งในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อพิจารณาตามกฎ ก.ตร. ระดับรอง ผบช. ขยับเป็น ผบช. ระดับ ผบก. ขยับเป็นรอง ผบช. และรอง ผบก. ขยับเป็น ผบก. ยึดอาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์ บรรดาอาวุโสทั้งที่อยู่ในเกณฑ์ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่งตัวรอได้ขยับตำแหน่งสูงขึ้นแน่นอน แต่บางนายอาจจะอิดออด โดยเฉพาะผบก. ที่เหลืออายุราชการ 1 ปี ไม่อยากขยับเป็นรอง ผบช. เพราะขอเป็นหัวดีกว่าเป็นหาง ยิ่งได้คุมพื้นที่ด้วยแล้วจะเป็นโอกาสทองที่จะกอบโกย จึงต้องจับตาเป็นพิเศษว่าจะวิ่งเต้นเข้าหาขั้วการเมืองเพื่อให้ ก.ตร. ลงมติยกเว้นให้หรือไม่
แต่การแต่งตั้งนายพลสีกากีคราวนี้ยังต้องลุ้นกันว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และจะพิจารณาแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. แบบม้วนเดียวจบ หรือจะพิจารณาระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช. ก่อน และค่อยมาพิจารณาระดับรอง ผบช.-ผบก.
ซึ่งแต่ละจังหวะก้าวต้องคอยลุ้นทั้งสิ้น รวมถึงต้องลุ้นว่าระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ใครจะมาเป็นนั่งหัวโต๊ะในฐานะประธาน ก.ตร.
ถ้าผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นลบต่อ น.ส.แพทองธาร จนต้องกระเด็นตกเก้าอี้แบบนายเศรษฐา ทวีสิน ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นสภาพ สภาผู้แทนราษฎรต้องสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่
การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลสีกากีจะถูกลากยาวออกไปเพื่อรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่มานั่งประธาน ก.ตร. เว้นแต่นายภูมิธรรมจะชิงนัดประชุม ก.ตร. ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ภายในสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้า ถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์นี้ เท่ากับพรรคเพื่อไทยชิงความได้เปรียบล่วงหน้าในสนามเลือกตั้ง ส.ส. หากการเมืองถึงทางตันถึงขั้นยุบสภา
เมื่อมองโดยรวมแล้วพอจะอนุมานได้ว่าการแต่งตั้งนายพลสีกากีปีนี้ บรรดานายตำรวจที่แคนดิเดตตำแหน่งต่างๆ ล้วนต้องคอยลุ้นทั้งวันเวลาที่จะพิจารณาโผ ลุ้นว่าตั๋วที่ได้มาจะคงความขลังได้นานแค่ไหน
แต่ “ประดู่แดง” เชื่อว่าการแต่งตั้งครั้งนี้ ผบ.ตร. และ ก.ตร. คงยึดกฎกติกาแบบแข็งขัน เพราะถ้าพลาดพลั้งแหกกฎเพื่อสนองบรรดาผู้มีอิทธิพลในวงการต่างๆ โอกาสโดนคดีติดตัวมีสูง เพราะกฎหมายตำรวจที่บังคับใช้อยู่มีหลายกลไกให้ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมพึ่งพา !!!
