
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7บก.ทล.,พ.ต.ท.ธนาคาร จันทร์กระจ่าง รอง ผกก.ช่วยฯ รอง ผกก.7 บก.ทล.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วริศร มัจฉา สวญ.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.มนัสวี กะดะแซ สว.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ร.ต.อ.ปุณณรัตน์ มุสิกรักษ์ รอง สว.ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ท.อภิชาติ แก่นคำ, ร.ต.ต.สมเจตน์ สุดทองคง, ร.ต.ต.ศุภกิตติ์ ปิ่นพรม รอง สว.(ป.) ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. พร้อมด้วยดจ้าหน้าที่ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม 1.นายหน่าย อายุ 36 ปี ผู้ขับขี่ กระทำความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม โดยรู้ว่าคนต่างด้าวเหล่านั้น เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64” 2. บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา 24 ราย กระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81” พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้) ยี่ห้อ ฮุนได รุ่น H-1 สีดำ จำนวน 1 คัน, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Redmi รุ่น 14 C สีดำ จำนวน 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Beyond สีขาว จำนวน 1 เครื่อง

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง หน่วยบริการประชาชน ตำรวจทางหลวงรัตภูมิ จ.สงขลา ได้ตั้งจุดสกัดหน้าหน่วยบริการฯ เนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า มีรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ ฮุนได ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวจากพื้นที่ จ.ราชบุรี เพื่อนำมาส่งให้กับนายหน้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผ่านแดนไปยังประเทศมาเลเซีย จึงได้วางแผนพร้อมจัดชุดส่วนล่วงหน้าเฝ้าสังเกตรถเป้าหมายบริเวณ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง รอยต่อ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ขณะเฝ้าสังเกตการณ์ พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮุนได ซึ่งมีตำหนิจุดสังเกตพิเศษของรถตรงตามที่แหล่งข่าวแจ้งขับผ่านมา มุ่งหน้าไปยังจุดสกัด จึงได้สะกดรอยติดตาม เมื่อรถคันดังกล่าวมาถึงแยก อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ได้กลับรถย้อนกลับไปในทิศทางเดิม ในลักษณะผิดปกติ อาจจะทราบว่าเส้นทางด้านหน้ามีด่านตรวจ จึงได้ขับติดตามไปอย่างต่อเนื่องอย่างกระชันชิดพร้อมแจ้งประสานกำลังรถวิทยุสายตรวจตำรวจทางหลวงสกัดจับ

ต่อมาเมื่อรถคันดังกล่าวน่าจะรู้ตัวว่ามีรถขับติดตามมา จึงเร่งความเร็วหลบหนีเข้าไปยังพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการติดตามจับกุมนานกว่า 40 นาที
จนกระทั่งถึงถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งเป็นถนนแคบ ชุดจับกุมจึงได้ตัดสินใจสกัดรถคันดังกล่าว โดยขับรถปิดหัวปิดท้ายเพื่อไม่ให้รถคันดังกล่าวเคลื่อนที่ไปต่อ พร้อมให้สัญญาณเสียงจากรถวิทยุทำการหยุดรถ แต่รถคันดังกล่าวขัดขืน พร้อมกับขับส่ายไปมา น่าหวาดเสียว เพื่อพยายามหลบหนี ระหว่างนั้น นายหน่าย ผู้ขับขี่ ได้เปิดประตูรถกระโดดลงจากรถในขณะที่รถยังเคลื่อนที่อยู่แล้ววิ่งหลบหนียังสวนปาล์มของชาวบ้านในพื้นที่ ก่อนที่รถจะไหลลงข้างทางชนกับต้นไม้หน้าบ้านของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งจึงได้ลงจากรถวิ่งไล่ติดตาม นายหน่าย ก่อนสามารถจับกุมตัวได้บริเวณร่องสวนปาล์ม ในสภาพนอนหมดแรงซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า ห่างจากจุดที่ทิ้งรถประมาณ 2 กิโลเมตร จึงควบคุมตัวมาที่รถเพื่อนำการตรวจสอบอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าว พบว่าภายในรถมีบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 24 คน เป็นชาย จำนวน 22 คน หญิง จำนวน 2 คน นั่งอัดกันอยู่ภายในรถสภาพอิดโรย ส่วนตัวรถด้านหน้าได้รับความเสียหายและกระจังรถด้านหลังหลุดออกจากการไหลไปพุ่งชนต้นไม้ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวมาทำบันทึกส่งสภ.ตะโหมด จ.พัทลุง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การเพิ่มเติมว่า
ได้รับว่าจ้างให้ขับรถมาจาก จ.ราชบุรี เพื่อไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้รับว่าจ้างเป็นเงิน จำนวน 3,500 บาท และรับว่าเพิ่งรับจ้างขนบุคคลต่างด้าวเป็นครั้งแรก
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

