ส.ก.พรรคประชาชน ดัน ร่าง กม. “ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน” ยกมาตรฐาน-ลดความเหลื่อมล้ำ ศูนย์เด็กเล็ก 300 แห่ง ทั่ว กทม.

694

สภากรุงเทพมหานคร, วันที่ 30 กรกฎาคม – เอกกวิน โชคประสพรวย สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตราชเทวี พรรคประชาชน พร้อม ส.ก.พรรคประชาชน ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พ.ศ. …. โดยย้ำว่าเป็นครั้งแรกที่ กทม. จะมีข้อบัญญัติที่ชัดเจนเพื่อยกระดับมาตรฐานและแก้ความเหลื่อมล้ำของศูนย์เด็กเล็กกว่า 300 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร 

“ปัจจุบันศูนย์เด็กก่อนวัยเรียนของกรุงเทพฯ ไม่มีข้อบัญญัติของตนเอง ต้องอาศัยงบผ่านกรรมการชุมชน ทำให้การบริหารไม่มีความยั่งยืน งบลงไปไม่ถึง ความเหลื่อมล้ำจึงเกิดขึ้นอย่างมาก เด็กหลายคนขาดอาหารที่เพียงพอ ครูอาสาขาดสวัสดิการ ค่าน้ำค่าไฟต้องเจียดจากค่าอาหาร ผมเห็นว่าถึงเวลาต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง” เอกกวินกล่าว 

โดยร่าง กม. ที่เสนอโดยพรรคประชาชน วางหลักการสำคัญว่า “เด็กปฐมวัยคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์” การลงทุนในช่วงนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคง ซึ่งข้อความนี้ปรากฏชัดใน “หลักการและเหตุผล” ของร่าง ซึ่งต่างจากร่างของฝ่ายบริหารที่ผู้ว่าฯ เสนอพร้อมกัน

ร่างข้อบัญญัติฉบับนี้ยังบังคับให้ผู้ว่า กทม.ต้องออกระเบียบซึ่งกำหนดถึงวิธีการจัดตั้งและบริหารศูนย์ฯ ซึ่งครอบคลุมถึงหลักเกณฑ์ วิธีการบริหาร และการจัดการงบประมาณอย่างโปร่งใส, การดูแลด้านการศึกษา สุขอนามัย ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตของเด็ก, การพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เหมาะสมตามช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ

ทั้งนี้จากการที่พรรคประชาชน เติบโตมาจากพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ได้โอกาสเข้าพื้นที่ไปยังองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ จึงเห็นชัดว่าศูนย์เด็กเล็กในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างจังหวัดมีระบบจัดการที่ดีกว่า กทม. ทั้งด้านอาคารเรียน ห้องน้ำ สุขอนามัย และอุปกรณ์ “หากข้อบัญญัตินี้ผ่าน เด็กในกรุงเทพฯ จะได้รับการดูแลที่เท่าเทียม ครูอาสาจะมีสวัสดิการที่มั่นคง และศูนย์เด็กจะไม่ต้องพึ่งการเมืองหรือ CSR อีกต่อไป” 

เอกวิน ทิ้งท้ายว่า เมื่อข้อบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ เด็กที่เติบโตจากศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนของ กทม. จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างอนาคตที่ดีให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งท้ายที่สุดเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการวิสามัญชุดนี้จะสามารถพิจารณาข้อบัญญัติดังกล่าวพร้อมกลับสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครในวาระที่ 2 ได้ภายใน 60 วัน เพื่อประกาศภายในปีนี้