ตามที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้เริ่มนำเทคโนโลยีกล้อง A.I. ที่เชื่อมต่อข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาติดตั้งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อคัดกรองบุคคลที่เคยกระทำความผิดและมีหมายจับ รวมถึงบุคคลกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ระหว่างตำรวจ สถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 และ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่อยู่ กล้อง A.I. ที่เชื่อมข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของ บช.ก. ได้แจ้งเตือนว่าตรวจพบบุคคลตามจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ.102/2567 ลงวันที่ 8 มี.ค. 2567 คือ นายชนะชัย อายุ 32 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร “

จากการตรวจสอบพบ นายชนะชัย และแสดงตัวเป็นตำรวจ ทันใดนั้น นายชนะชัย ได้วิ่งหนีตำรวจชุดจับกุม โดยกระโดดข้ามรั้วลวดหนามและปีนกำแพงเข้าไปในบ้านของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ก่อนควบควบคุมตัวได้ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลจังหวัดหนองคายเพื่อทำการรักษาตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา และนำตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.แม่วงก์ ภ.จว.นครสวรรค์ ต่อไป
ซึ่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้เริ่มนำระบบกล้อง A.I. มาใช้ในเดือนกรกฎาคม 2567 ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยสามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับรายแรกได้ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 และจนถึงปัจจุบัน รวมเวลาประมาณ 1 ปี สามารถจับกุมได้แล้วรวม 291 ราย ประกอบด้วย ชลบุรี (เมืองพัทยา) 110 ราย นครราชสีมา 89 ราย เชียงใหม่ 71 ราย สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ) 4 ราย ขอนแก่น 9 ราย อุดรธานี 3 ราย หนองคาย 2 ราย ตาก 2 ราย และนครพนม 1 ราย ถือเป็นการเพิ่มพื้นที่ปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อไป

