ตำรวจสืบสวนนครบาล และเจ้าหน้าที่อย. นำกำลังบุกตรวจค้นร้านส่งพัสดุ ลักลอบสั่งยาออกฤทธิ์ต่อประสาทจากประเทศกัมพูชา ขายต่อทางสื่อสังคมออนไลน์ ยึดของกลางมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท
ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังเข้าตรวจค้น เป้าหมายเป็นบ้านพัก 2 หลังในพื้นที่ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หลังที่ 1 ใช้เป็นที่จัดส่งสินค้าโดยเปิดเป็นร้านจัดส่งวัสดุ อีกหลังใช้เป็นโกดังสำหรับจัดเก็บสินค้าจำนวนมาก จากการตรวจค้นพบ ยาที่ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย มีต้นทางมาจากประเทศกัมพูชา ตลอดจนวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 2 เช่น อัลปราโซแลม มอร์ฟีน โดมิคุม เป็นจำนวนกว่า 82,000 เม็ด ยาน้ำจำนวนกว่า 1,900 ขวด รวมไปถึงตรวจยึดกัญชา ประเภทช่อดอก ผสมผงเห็ดขี้ควาย หรือเห็ดเมา ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 และใบกัญชาเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าของกลางที่ยึดเอาไว้ได้รวมแล้วกว่า 20 ล้านบาท
จากการตรวจค้นสามารถควบคุมตัวนายสุทธินันท์ หรือเบนซ์ อายุ 31 ปี ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของยาผิดกฎหมายดังกล่าว พร้อมให้การว่าสั่งยาและวัตถุออกฤทธิ์มาจากประเทศกัมพูชาผ่านเว็บไซต์ออนไลน์โดยผิดกฎหมาย และนำไปจำหน่ายผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ให้กับลูกค้าในกลุ่มปิด
พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นจับผู้ต้องหาในคดีนี้ เกิดขึ้นภายหลังตำรวจ นักเรียนหลักสูตรสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 116 ได้สืบสวนแฝงตัวหาข่าวจากช่องทางออนไลน์จนพบว่ามีเว็บไซต์ลักลอบขายยาวัตถุออกฤทธิ์ต่อประสาท และยาที่อยู่ในบัญชีประเภทยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย จึงได้ประสานทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาร่วมตรวจสอบ เฝ้าติดตามการสั่งซื้อจนพบว่ามีปลายทางอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลคูคต จึงได้เฝ้าติดตามจนมีพยานหลักฐานเพียงพอก่อนขอศาลออกหมายค้นเข้าตรวจค้นในครั้งนี้
โดยช่องทางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ พลตำรวจตรีโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่ายาดังกล่าวถูกสำแดงเท็จ เป็นสินค้าประเภทอื่นเมื่อได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ต้องหา จึงทำให้ยาเหล่านี้เล็ดลอดเข้าประเทศได้ จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาทำมานานแล้วกว่า 2 ปี ซึ่งหลังจากนี้จะทำการขยายผลจากเส้นทางการเงิน เพื่อหาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีเพิ่มเติม
สำหรับตัวยาออกฤทธิ์ต่อประสาท นานธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล ลองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ข้อมูลว่า จากของกลางที่ยึดได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าถูกส่งมาจากประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะกลุ่มยาแอลปราโซแลม ซึ่งต้องเป็นยาที่อยู่ในบัญชียาเสพติด ซึ่งต้องจำหน่ายผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น และเป็นผู้อนุญาตให้จัดจำหน่าย โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งตามกฎหมายแล้วถือว่าเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเขาขายมูลฐานการฟอกเงิน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะร่วมกับตำรวจขยายผลไปถึงต้นทางของฝั่งประเทศกัมพูชา และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากเส้นทางทางการเงิน
สำหรับตัวยาที่ลักลอบนำขายในสื่อสังคมออนไลน์ จะขายในราคาที่แพงกว่าท้องตลาดถึง 10 เท่า เป็นจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดว่ายาเหล่านี้ถูกขายอย่างผิดกฎหมาย จึงฝากเรียนประชาชนหากจำเป็นต้องใช้ยาต้องเข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเฉพาะทางเป็นผู้สั่งจ่ายยาเท่านั้น แต่ในส่วนของผู้ที่ลักลอบนำยาที่มีฤทธิ์ต่อประสาทนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ก็จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งตำรวจจะทำการขยายผลจากรายชื่อผู้สั่งซื้อยาที่ระบุอยู่ในข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาเพิ่มเติม เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
https://drive.google.com/file/d/1rRxjd9CW9iI4gXlxBhV8HnVU8rHitf18/view?usp=sharing

