“ภูสอยดาว” เปิดแล้ว! ชวนพิชิตลานสน-ชมดอกหงอนนาค เริ่ม 1 ก.ค. นี้

1032

อช.ภูสอยดาวเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว! พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวพิชิตป่าลานสน สัมผัสความงดงามทุ่งดอกหงอนนาค ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 หลังปิดฟื้นฟูธรรมชาตินานกว่า 5 เดือน

หลังพักฟื้นธรรมชาติกว่า 5 เดือนเต็ม “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว” ประกาศเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศให้มาสัมผัสเสน่ห์ของลานสน ภูเขาสูง และ ทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงละมุน ที่กำลังเริ่มผลิบานกลางสายหมอกบางในฤดูฝน

นายฟารุต ใจทัศน์กุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เปิดเผยว่า หลังจากปิดการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568 เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้ฟื้นตัว วันนี้อุทยานฯ พร้อมเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง บรรยากาศการเปิดสร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และ ททท.สำนักงานแพร่ ได้ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่เดินทางมาจากหลากหลายจังหวัดทั่วไทย ทั้งพัทลุง นครพนม พะเยา และกรุงเทพมหานคร การต้อนรับในครั้งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น มีการมอบของที่ระลึกเป็นหมวก “Amazing Thailand” แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูท่องเที่ยวภูสอยดาวประจำปี 2568 สัมผัสความงามของทุ่งดอกหงอนนาค

ภูสอยดาวขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่งดงามที่สุดของไทย โดยเฉพาะทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วง ที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูฝน ดึงดูดนักผจญภัยและผู้รักธรรมชาติจากทั่วโลกให้มาสัมผัสความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว กล่าวเพิ่มเติมว่า อุทยานฯ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดฤดูฝนไปจนถึงสิ้นสุดฤดูหนาว หรืออาจมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศและความเหมาะสม เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติอย่างเต็มที่

การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวนั้นแม้จะท้าทาย แต่ก็คุ้มค่ากับความงดงามที่รออยู่เบื้องหน้า โดยมีหลากหลายวิธีให้เลือกสรรตามความสะดวก

เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว

จากกรุงเทพฯ: ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ ผ่านอยุธยา นครสวรรค์ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1240 (สายน้ำปาด-บ่อเบี้ย) และเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 1268 ไปยังอุทยานฯ รวมระยะทางประมาณ 480 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง

จากจังหวัดใกล้เคียง: สามารถใช้เส้นทางหลวงเชื่อมต่อมายังจังหวัดอุตรดิตถ์และมุ่งหน้าสู่อำเภอน้ำปาดได้เช่นกัน

เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ


-​รถทัวร์: มีรถโดยสารปรับอากาศจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) กรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดอุตรดิตถ์หลายบริษัท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง เมื่อถึงสถานีขนส่งอุตรดิตถ์แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถต่อรถสองแถวหรือเหมารถไปยังอุทยานฯ ได้ ทั้งนี้ ควรสอบถามรอบรถและค่าบริการล่วงหน้า

รถไฟ: สามารถนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯ ไปยังสถานีอุตรดิตถ์ได้เช่นกัน จากนั้นต่อรถไปยังอุทยานฯ


การเดินทางภายในอุทยานฯ


เมื่อเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานฯ แล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมตัวสำหรับการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูสอยดาว ระยะทางเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงลานกางเต็นท์ด้านบนภูสอยดาวประมาณ 6.5 กิโลเมตร โดยเป็นเส้นทางเดินป่าที่ค่อนข้างชันและใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแต่ละบุคคล ระหว่างทางมีจุดแวะพักและแหล่งน้ำให้เติมพลัง การเตรียมร่างกายให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว
เพื่อประสบการณ์ท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบและยั่งยืน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
-​ จองคิวล่วงหน้า: เพื่อควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวและรักษาสมดุลของธรรมชาติ การจองคิวเข้าอุทยานฯ ล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวหรือฤดูท่องเที่ยว
-​ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม: เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ (กันฝน กันหนาว), รองเท้าเดินป่า, เป้สะพายหลัง, อุปกรณ์กางเต็นท์, ถุงนอน, ยาสามัญประจำบ้าน, ไฟฉาย และอาหารแห้ง

รักษาสิ่งแวดล้อม: ไม่ทิ้งขยะในพื้นที่อุทยานฯ และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ภูสอยดาวยังคงความงดงามสำหรับทุกคน

การเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวภูสอยดาวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ และมอบประสบการณ์อันน่าจดจำให้กับผู้มาเยือนทุกท่าน

“ภูสอยดาวไม่ได้เป็นเพียงจุดหมาย… แต่คือเส้นทางที่มอบความทรงจำแสนพิเศษให้หัวใจนักเดินทางทุกคน”