กรุงเทพฯ, วันที่ 5 มิถุนายน – นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ผู้ช่วย รมต.พม.) กล่าวภายหลังการประชุมกระทรวง พม. ประจำเดือนมิถุนายน ว่า ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงผลการทำงานของคณะกรรมการอำนวยการสํานักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) กรณีไปดูงานโรงรับจำนำเพื่อสังคมในประเทศออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสถานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ มีความจำเป็นกับพี่น้องกลุ่มเปราะบาง และประชาชนทั่วไปผู้มีรายได้น้อยในขณะที่โรงรับจำนำ และร้านซื้อขายสินค้ามือสองในประเทศออสเตรเลียนั้นค่อนข้างจะมองในเรื่องธุรกิจ และมีเอกชนเป็นผู้ประกอบการทั้งหมด แต่ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาล ต่ออายุใบอนุญาตทุกปี มีอัตราการคิดดอกเบี้ย อยู่ที่ 30% ต่อเดือน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจมีความต่อเนื่องคือ หลักประกันที่เอามาจำนำ หากไม่มีการติดต่อชำระ หรือส่งดอกเบี้ย เมื่อครบสามเดือนตามกำหนดเวลา ทรัพย์ก็จะหลุดจำนำเป็นกรรมสิทธิ์ของร้านที่รับจำนำ แล้วเขาจะนำมาเป็นสินค้าในร้านขายของมือสอง เพื่อทำกำไรอีกทอดหนึ่ง

ในขณะเดียวกันประธานและคณะกรรมการอำนวยการ สธค. ได้ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาสถานธนานุเคราะห์ใช้วิธีการขายเหมาสินค้าที่หลุดจำนำให้ผู้ประกอบการที่มาขอรับซื้อ ซึ่งหลังจากนี้ต้องพิจารณาว่า อาจจะทำเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้ามือสองในราคาถูก ซึ่งเป็นการปรับรูปแบบของโรงรับจำนำ มาเป็นการนำเสนอหน้าร้าน เป็นตู้ขายสินค้า ปรับเคาน์เตอร์การรับจำนำให้อยู่ด้านใน เพื่อลดภาพการเข้ามาจำนำ และยังเป็นการให้โอกาสกับผู้ที่ประกอบอาชีพที่เป็นกลุ่มเปราะบาง หรือผู้ที่มีรายได้น้อยได้ ในการที่จะหาของหลุดจำนำ ที่เป็น ของใช้ในครัวเรือน เครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์ที่จะนำไปใช้ประกอบอาชีพได้ในราคาถูก ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ สธค. น่าจะเริ่มได้ภายในปีนี้

นายธเนศพล กล่าวว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเกิดปัญหาขึ้นขณะนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. ได้มอบหมายให้ สธค. ไปพิจารณาในเรื่องของการขยายสาขาสถานธนานุเคราะห์ เพื่อให้บริการกับพี่น้องกลุ่มเปราะบาง และประชาชนทั่วไป ผู้มีรายได้น้อย ให้ครอบคลุมในพื้นที่ได้มากเพิ่มขึ้น โดยถ้าเป็นไปได้จะดำเนินการให้ครบทั่วประเทศ อย่างน้อยที่สุดในแต่ละจังหวัดจะได้มีสถานธนานุเคราะห์ ซึ่งปัจจุบัน มีอยู่ 40 กว่าแห่ง นับว่าเป็นแนวทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งเงินอย่างธนาคาร ทั้งนี้รายได้จากการเปิดร้านจำหน่ายของหลุดจำนำยังสามารถนำมาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ผู้ประสบปัญหาทางสังคม กลุ่มลูกค้าของสธค. ที่ประสบความยากลำบากเฉพาะหน้าให้ได้รับความช่วยเหลือได้ทันท่วงที

