เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร.และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โฟสต์ข้อความผ่านโซเชียล facebook มีใจความระบุว่า :” การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและบทบาทของตำรวจไทย: มุมมองและประสบการณ์จากเวทีสัมมนา”

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00-20.00 น. ผมได้รับเกียรติให้เป็นวิทยากรรับเชิญ ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิท่านอื่นๆ ในงานสัมมนา The Rule of Law Reform in Thailand Now and Never ซึ่งจัดโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice: TIJ ) โดยผมได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับตำรวจกับหลักนิติธรรมในบริบทของการปฏิรูปตำรวจไทย วิกฤตอาชญากรรมในยุคดิจิทัล ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านอาชญากรรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามพัฒนาการของสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cybercrime) ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาเพียง 2 ปีเศษ มีคดีเกิดขึ้นกว่า 500,000 คดี สร้างความเสียหายทางการเงินประมาณ 70,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 80 ล้านบาท
ในประเด็นนี้ ผมได้นำเสนอต่ออดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อขอให้ท่านเป็นประธานในการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

เนื่องจากการรับแจ้งความปลายเหตุของตำรวจไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหา ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ทันที แต่น่าเสียดายที่ท่านต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนที่จะได้ดำเนินการ ความท้าทายในการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจุบันเราพบความขัดแย้งระหว่างความคาดหวังของประชาชนและข้อจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
ในด้านหนึ่ง ประชาชนต้องการให้ตำรวจให้บริการที่รวดเร็ว สุภาพ เป็นไปตามหลักกฎหมาย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจประสบปัญหาด้านอัตรากำลัง งบประมาณ และทรัพยากรที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่
สภาพปัญหาที่เห็นได้ชัดคือ ประชาชนต้องพึ่งพาผู้มีอิทธิพลในสังคม (Influencers) เช่น คุณกัน จอมพลัง คุณปวีณา หงสกุล และมูลนิธิสายไหมต้องรอด ในการช่วยประสานงานกับตำรวจ นอกจากนี้ ยังพบข่าวการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เป็นประจำ
ในขณะเดียวกัน ตำรวจไทยได้รับค่าตอบแทนที่ต่ำเมื่อเทียบกับบุคลากรอื่นในกระบวนการยุติธรรม และได้รับงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติงาน เช่น ค่าน้ำมันรถสายตรวจ เพียงหนึ่งในสามของความต้องการที่แท้จริง ปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลชุดใดที่ผ่านมา มุมมองสำคัญต่อการปฏิรูป การปฏิรูปตำรวจจำเป็นต้องพิจารณาจากสามมุมมองสำคัญ
ประการแรก ตำรวจเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรมและต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน การปฏิรูปตำรวจได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ในสมัยรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม
ประการที่สอง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงสะท้อนปัญหาที่รุนแรง ดังที่ พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจและประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ได้สะท้อนผ่านนวนิยายเรื่อง “สารวัตรเถื่อน” และ “สารวัตรใหญ่”โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมา มีกรณีนายตำรวจระดับสูงถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์และการฟอกเงิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
ประการที่สาม การปฏิรูปต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกด้าน โดยอ้างอิงจากผลการศึกษาของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในสมัยรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อปี พ.ศ. 2550 โดยมี พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน และ ดร.กิตติพงศ์ กิตยารักษ์ เป็นเลขานุการ
คณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาควิชาการ สื่อมวลชน และภาคประชาสังคม รวมกว่า 100 ท่านได้ร่วมกันศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ มีการรับฟังความคิดเห็นจากทั้งประชาชนและตำรวจ รวมถึงศึกษาบทเรียนการปฏิรูปตำรวจจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ จนได้ข้อสรุปเป็นบัญญัติ 10 ประการในการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งยังคงมีความสำคัญและเป็นแนวทางที่ควรนำมาพิจารณาในการปฏิรูปตำรวจในปัจจุบัน

แนวทางการปฏิรูปตำรวจ บัญญัติ 10 ประการ
จากผลการศึกษาของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจในปี 2550 ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปที่สำคัญ 10 ประการ ได้แก่
- การกระจายอำนาจการบริหารงาน
- การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
- การสร้างกลไกตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจ
- การพัฒนางานสอบสวน
- การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่งานของตำรวจ
- การปรับปรุงสถานีตำรวจ
- การพัฒนากระบวนการสรรหา การผลิต และการพัฒนาบุคลากร
- การปรับปรุงเงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการ
- การส่งเสริมความก้าวหน้าของตำรวจชั้นประทวน
- การจัดตั้งหน่วยงานพัฒนากระบวนการยุติธรรม
บทสรุปและข้อเสนอ
ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องดำเนินการปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังและเป็นระบบ โดยนำแนวทางตามบัญญัติ 10 ประการมาดำเนินการพร้อมกันอย่างบูรณาการ ไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงระบบการบริหารงานบุคคลเพื่อแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายเท่านั้น การปฏิรูปตำรวจเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกคน “ข้อความดังกล่าวระบุ
ท่านสามารถคลิกอ่าน FB ดังกล่าว ที่นี่
https://www.facebook.com/share/p/1BYWsoq21D/?mibextid=wwXIfr

