‘เด็กหาย’ ยังน่าห่วง สถิติสูงขึ้นในรอบ 6 ปี พบเยาวชนถูกหลอกเข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 11ราย

89

มูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับ นิติเวช รพ.ตำรวจ แถลงสถานการณ์‘เด็กหาย’ พบยังน่าห่วง สถิติสูงขึ้นในรอบ 6 ปี มีเยาวชนถูกหลอกเข้าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ด้านนิติเวชตำรวจ ใช้นิติวิทยาศาสตร์ ช่วยตามหาเด็กที่หายไปหลายปี

วันนี้( 10 มกราคม 2568 )ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มูลนิธิกระจกเงา ร่วมกับ สถาบันนิติเวชวิทยา แถลงข่าว “สถานการณ์เด็กหายและ ดีเอ็นเอโปรคิดส์ การใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการตามหาเด็กหาย”

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เผยสถิติรับแจ้งเด็กหาย ของมูลนิธิกระจกเงา ปี 2567 รวมทั้งสิ้น 314 ราย ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 6 ปี โดยสูงกว่าปี 2566 ถึง 6% สาเหตุหลักกว่า 72% หรือ 227 ราย คือเด็กที่สมัครใจหนีออกจากบ้าน โดยเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่หนีออกจากบ้านมีอายุเพียง 7 ขวบ รองลงมาคือ กลุ่มเด็กที่มีพัฒนาการช้า มีความพิการทางสติปัญญา หรือป่วยทางจิตเวช สูญหายกว่า 9% หรือ 29 ราย และมีเด็กถูกลักพาตัว 5 รายในปีที่ผ่านมา

ช่วงอายุเฉลี่ยของเด็กที่หายออกจากบ้าน มากที่สุดคือช่วง อายุ 11-15 ปี รวม 171 ราย รองลงมาคืออายุ 16-18 ปี รวม 103 ราย และช่วงแรกเกิดถึงสิบขวบ รวม 40 ราย

ในห้วงปลายปี 2566-2567 ที่ผ่านมามีเด็กและเยาวชน ถูกชักชวน หลงเชื่อ และถูกหลอกไปทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน กว่า 11 ราย โดยอายุน้อยที่สุดที่ถูกหลอกไปทำงานมีอายุเพียง 14 ปี ลักษณะของการล่อลวงชักชวนไปทำงาน ส่วนใหญ่จะหลงเชื่อคำเชิญชวนในโลกออนไลน์ ลักษณะประกาศรับสมัครงานแอดมินเวบไซต์ รายได้ดี ภายหลังจึงพบว่าถูกหลอกไปทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และบางรายติดต่อเพื่อให้ครอบครัวส่งเงินเพื่อไถ่ตัวกลับบ้านอีกด้วย

พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ

ด้าน พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึง โครงการดีเอ็นเอโปรคิดส์ ว่าสถาบันนิติเวชวิทยา เป็นศูนย์ตรวจสารพันธุกรรมเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ในเด็ก โดยการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในเด็ก ให้กลับคืนสู่ครอบครัวที่แท้จริงซึ่งโครงการดีเอ็นเอโปรคิดส์ เป็นโครงการระหว่างประเทศเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ การเก็บสารพันธุกรรมของพ่อแม่เด็กที่อาจถูกลักพาตัวหรือล่อลวงไป โดยที่พ่อแม่แจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่าบุตรหาย ถ้าพนักงานสอบสวนทำหนังสือส่งตัวมาก็จะตรวจสารพันธุกรรมของพ่อแม่แล้วเก็บข้อมูลสารพันธุกรรมไว้ใน “ระบบฐานข้อมูลดีเอ็นเอสถาบันนิติเวชวิทยา”

ต่อมาเมื่อมีการพบเด็กที่ไม่อาจระบุตัวบุคคลได้ ซึ่งสงสัยว่าถูกลักพาตัวหรือถูกล่อลวงไป จะทำการตรวจสารพันธุกรรมของเด็ก และจะบันทึกข้อมูลสารพันธุกรรมลงไปตรวจสอบใน “ระบบฐานข้อมูลดีเอ็นเอสถาบันนิติเวชวิทยา” ซึ่งโปรแกรมตรวจสอบจะประมวลผลว่าตรงกับสารพันธุกรรมของพ่อแม่เด็กที่เก็บไว้ในระบบหรือไม่ หากพบจะรายงานผลว่าเป็นสายสัมพันธ์ผู้ใด หากยังไม่พบก็จะยังเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลเพื่อรอให้โปรแกรมตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลที่อาจมีการแจ้งเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง

ดังนั้น การเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพ่อแม่จะเป็นประโยชน์ต่อการตามหาเด็กหาย หรือเด็กที่อาจตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ จึงกลายเป็นอีกความหวังที่จะช่วยเหลือเด็ก ที่สูญหายออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม สำหรับพ่อแม่ที่ลูกหาย สามารถติดต่อหน่วยงานภาคประชาสังคม เช่น มูลนิธิกระจกเงา ในการประสานงานกับพนักงานสอบสวน เพื่อทำเรื่องส่งตัวพ่อแม่เด็กมา ตรวจดีเอ็นเอที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมาเก็บข้อมูลสารพันธุกรรมไว้ใน “ระบบฐานข้อมูลดีเอ็นเอสถาบันนิติเวช” ต่อไป

โดยในวันนี้มูลนิธิกระจกเงา ได้พามารดาของเด็กหายจำนวน 3 รายที่หายตัวไปนานหลายปี มาเก็บสารพันธุกรรมในโครงการดีเอ็นเอโปรคิดส์ เพื่อเป็นความหวังในการตามหาลูก โดยทั้งสามครอบครัวประกอบด้วย มารดาของน้องจีจี้ หรือเด็กหญิงจีรภัทร ทองชุม หายตัวไปนาน 15 ปี มารดาของน้องดาหรือเด็กหญิงพัทธวรรณ อินทร์สุข หายตัวไป 11 ปี และมารดาของน้องอัษ เด็กชายเทอญพงษ์ หายตัวไปนาน 6 ปี

สำหรับวันเด็กที่จะถึงนี้ สถาบันนิติเวชวิทยาและมูลนิธิกระจกเงา ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครอง เพื่อป้องกันเด็กสูญหายพลัดหลงในงานวันเด็ก 1.ผู้ปกครองต้องจดจำรูปพรรณของลูก ส่วนสูง น้ำหนัก ตำหนิ สีเสื้อผ้า 2.ให้ถ่ายรูปล่าสุดพร้อมชุดที่สวมใส่ของลูกก่อนออกจากบ้าน 3.ทำป้ายชื่อ เบอร์ติดต่อครอบครัวติดตัวเด็กไว้ 4.สอนลูก หากพลัดหลง นัดเจอกันจุดไหน ให้ใครช่วยเหลือ 5.สอนลูก หากตกอยู่ในอันตราย มีคนจูงมือไป พร้อมตะโกนให้คนช่วย ทั้งนี้ หากเกิดการสูญหาย หากค้นหาในบริเวณงานแล้วยังไม่พบตัว ให้โทรแจ้ง 191 หรือ แจ้งความเด็กหายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอครบ 24 ชม.

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #เด็กหาย