หวังแก้โจทย์ที่ได้รับมาให้สำเร็จ”แม้ว”รู้นิสัยนักการเมือง-ข้าราชการ จึงโชว์บทกร้าวกระตุ้นให้ลุยงาน !!

148


หากจับลีลาการปราศรัยบนเวทีหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายกอบจ.)เชียงราย ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะพบว่ามีท่าทีทั้งแข็งกร้าวแบบปะฉะดะสลับปลอบประโลม ทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำ

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ/ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ

        ขณะที่เนื้อหาบ่งบอกว่าในปี 2568 รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวจะขับเคลื่อนนโยบายอย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าอาจจะลดลงที่ 3.70 บาท ขจัดยาเสพติด ลุยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุนผูกขาด แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดึงเม็ดเงินใต้ดินเข้ามาในระบบ และส่งเสริมคนไทยสู่นางแบบระดับโลก เป็นต้นแถมด้วยเนื้อหาเสียดสีนักการเมืองรุ่นลายครามและกลุ่มที่ต่อต้าน

         จึงอนุมานได้ว่านายทักษิณ พร้อมที่จะชักธงรบกับฝ่ายตรงข้ามและพร้อมที่จะผลักดันให้รัฐบาลเดินตามแนวทางที่ได้ประกาศไว้ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก บางคนถึงขั้นถามว่านายทักษิณ มีตำแหน่งอะไร มีอำนาจอะไร ถึงสั่งการให้รัฐบาลทำตาม บางคนออกมาปกป้องบุคคลที่นายทักษิณเสียดสี ด้วยการยกวาทะเดิมๆว่าไม่เคยโกง ไม่เคยซื้อเสียง

        ขณะที่นายแบกและนางแบบที่เป็นสื่อรวมถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมต่างขานรับว่านายทักษิณ ทำถูกต้องเดินมาถูกทางเพื่อช่วยแก้ปัญหาของประเทศ

        หากมองอย่างวิเคราะห์และทายใจนายทักษิณ พออนุมานว่าโจทย์ที่ได้รับมอบหมายมาให้แก้สารพัดปัญหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ยังไม่สามารถขับเคลื่อนให้เห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งที่บริหารประเทศมากว่า 1 ปีแล้ว

       ดังนั้นด้วยประสบการณ์บนเส้นทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ บวกกับความสำเร็จบนถนนการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ผลักดันน้องสาว น้องเขยและลูกสาว เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลต่อการเมืองไทยอย่างสูง แม้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเกือบ 20 ปี ทำให้ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในอาการผวาได้ตลอดเวลา นายทักษิณย่อมรู้นิสัยของนักการเมืองและข้าราชการประจำเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไร

       ซึ่งคำปราศรัยของนายทักษิณ ระบุว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกฯอุ๊งอิ๊งสอบถามรัฐมนตรีบางคนว่าทำไมงานที่มอบหมายไม่ขยับเลย มีเสียงตอบว่าข้าราชการไม่ค่อยตอบสนอง นายกฯอุ๊งอิ้งเลยบอกไปว่าถ้าทำไม่ได้ต้องเปลี่ยนให้คนอื่นทำ ผ่านไปไม่กี่วันมีผลงานออกมาเลย 


          จากคำปราศรัยพอที่จะเป็นหลักฐานสะท้อนถึงนิสัยของบรรดานักการเมืองได้เป็นอย่างดี ว่าเมื่อได้ตำแหน่งแล้ว ไม่อยากขยับอะไรที่ทำให้ข้าราชการขัดข้องหมองใจ ไปไล่บี้เยอะๆโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำตกเก้าอี้ได้ เพราะทราบกันดีว่าข้าราชการคือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานต่างๆ

       ขณะที่ข้าราชการมีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกันโดยเฉพาะระดับบิ๊กๆ ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงฯ อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นทำงานประจำเป็นหลัก น้อยคนที่จะกระตือรือร้นพัฒนาระบบงานรองรับนโยบายของรัฐบาลหรือรองรับการบริการประชาชน

      ยิ่งหน่วยงานไหนที่สามารถใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องได้ จะมุ่งเน้นด้านที่เอื้อประโยชน์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น งานกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายปกครอง สรรพากร ศุลกากร สรรพสามิต และตำรวจ เป็นต้น


       ยิ่งได้นายกรัฐมนตรีที่เล่นการเมืองมาตลอดชีวิตไม่มีประสบการณ์ผ่านงานบริหารองค์กรใหญ่ๆมาก่อน หรือนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร จะถูกข้าราชการครอบงำ ไม่มีผลงานที่จะให้คนทั้งประเทศได้จำจด นอกจากมีวาทะที่ถูกนำมาล้อเลียน อาทิ ยังไม่ได้รับรายงาน ไข่แพงให้เลี้ยงไก่ หรือชั่งไข่ขาย เป็นต้น ประเทศชาติจะย่ำอยู่กับที่

      ซึ่งต่างกับในยุคที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี หลายนโยบายประชาชนจดจำและได้ใช้ประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค หนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล กองทุนหมู่บ้าน หนึ่งทุนหนึ่งอำเภอการปราบปราบยาเสพติดแบบเฉียบขาด และหวยบนดิน เป็นต้น แม้บางนโยบายจะถูกยกเลิกและกลายเป็นหอกให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ทิ่มแทงจนต้องลี้ภัยไปต่างประเทศก็ตาม

      ผลสำเร็จของนโยบายเหล่านี้พอประเมินได้ว่านายทักษิณ เข้าใจถึงนิสัยของข้าราชการและนักการเมืองว่าจะต้องกระตุ้นหรือต้องลงแส้คาดโทษ ถึงจะทำให้นโยบายรัฐบาลบรรลุเป้าหมายได้

     เมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่เรียนรู้ถึงความล้าหลังของสังคมไทยมากขึ้น แต่กลุ่มที่กุมอำนาจต่างๆยังสนับสนุนผู้นำรัฐบาลไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ในการนำพาประเทศ ส่งผลให้พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว  จนกลุ่มที่กุมอำนาจเกิดความกังวล เพราะเกรงจะสูญเสียอำนาจและผลประโยชน์

     ดังนั้นจากผลงานที่ประชาชนยังจดจำบวกกับผลการเลือกตั้งที่คว้าชัยเกือบทุกครั้ง นายทักษิณ จึงกลายเป็นตัวเลือกให้เป็นคีย์แมนสำคัญให้กลับมาวางแผนบริหารประเทศ สร้างผลงานให้ประจักษ์อีกรอบ เพื่อไว้ขับเคี่ยวกับพรรคของคนรุ่นใหม่ในสนามเลือกตั้ง

      เมื่อถูกโยนโจทย์มาให้แก้ แต่เวลาผ่านมากว่าหนึ่งปีนโยบายต่างๆของรัฐบาลเสมือนย่ำอยู่กับที่ จากที่นั่งสั่งการอยู่เบื้องหลัง จึงจำเป็นต้องออกมาแสดงเองโชว์บทกร้าวลงแส้ทั้งนักการเมืองและข้าราชการ กระตุ้นให้ทำงาน เพื่อแก้โจทย์ให้สำเร็จโดยมีลูกสาวเป็นกองหน้าขับเคลื่อน

      แต่จะแก้โจทย์ได้สำเร็จหรือไม่ต้องติดตาม เพราะยังมีฝ่ายเกลียดชังคอยเตะตัดขาอยู่ตลอดเวลา !!!