หากได้ติดตามข่าวอาชญากรรมต่างๆจะพบว่าการก่อเหตุรุนแรงมากขึ้นมีทั้งสาเหตุเมาสุราไม่สบอารมณ์ชักปืนออกมายิงล่าสุดอาสาสมัคร(อส.)สงขลา ก่อเหตุไล่ยิงที่ร้านข้าวต้มใน อ.หาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย รวมถึงสามีภรรยาถูกยิงต่อหน้าลูก 2 คนขณะนั่งรับประทานอาหาร
หรือเหตุกราดยิงในบ่อนไก่ชน อ.บางเลน นครปฐม 1 ในกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนกำลังคุยกับคู่กรณี ก่อนชักปืนออกมาขู่ จากนั้นเพื่อนอีก 4 คน ชักปืนพร้อมกันยิงขู่ขึ้นฟ้า นักพนันวิ่งหนีกระเจิง ก่อนเดินออกไปเสมือนเป็นเรื่องปกติ หรือกรณีเหตุยิงนายชัยเมศร์ สิทธินิทวงศ์ หรืสจ.โต้ง ตายในบ้านนายสุนทร วิลาวัลย์หรือโกธร ตำรวจยึดอาวุธหลายกระบอก
หรือเหตุตำรวจไซเบอร์บุกค้นบ้านหลังหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ยึดอาวุธ กระสุนปืนและอุปกรณ์เกี่ยวกับอาวุธปืน เป็นจำนวนมาก ผู้ต้องหาสารภาพว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะปืนและกระสุนสามารถหาซื้อได้ทั่วไปทั้งแบบถึงตัวและทางออนไลน์ หรือข่าวเกิดขึ้นหลังการแต่งตั้งพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นั่งผู้บัญชาการกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.)หรือตำรวจไซเบอร์สืบสวนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ ยึดของกลางได้จำนวนมาก อาทิแกะรอยจับเจ้าของบัญชีม้า ที่ น.ส.ชาล็อต ออสติน นางงามคนดังถูกตุ๋นโอนเงินเข้าบัญชี 4 ล้านบาท สืบขยายผลพบว่ามีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อกว่า 100 คน
ที่ยกมาเพื่อสื่อให้เห็นว่าตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่เผด็จทหารครองเมืองจนกลายร่างมาเป็นรัฐบาลเผด็จการกึ่งพลเรือน ปัญหาอาชญากรรมเหล่านี้มิได้ถูกแกไขอย่างจริงจัง หากจะแก้ไขจริงเพียงแค่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยเดียวสามารถจัดการได้แล้ว ถ้านายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงนั้นแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจยึดกฎระเบียบเคร่งครัด ทำโผโยกย้ายแบบตรงไปตรงมา เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติ
แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้ามเพราะการแต่งตั้งโยกย้ายยึดแนวหลักกู ตามด้วยจำนวนปัจจัยและโปรโมชั่นหลังได้ตำแหน่งในพื้นที่ทำเลทอง เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาแต่งตั้ง แถมอำนาจการแต่งตั้งที่อยู่ในมือรองนายกรัฐมนตรีถูกผ่องถ่ายไปอยู่ในมือนายพลเด็ก โดยที่ผู้นำองค์กรยืนมองตาปริบๆแบบขอเพียงสร้างประวัติศาสตร์อยู่บนเก้าอี้พิทักษ์ 1 จนเกษียณอายุ
การปราบปรามอาชญากรรมเป็นแบบลูบหน้าปะจมูก เลือกปฏิบัติถ้าไม่ใช่พวกหรือไม่ใช่กลุ่มที่ส่งส่วยให้จะจับกุมแล้วดึงมาเป็นพวก โดยเฉพาะเว็บพนันออนไลน์ จะมีนายพลสีกากีแบ่งพื้นที่กันคุม เจ้าของเว็บพนันบางเว็บถูกนายที่สังกัดเรียกส่วยสูงขึ้นเรื่อยๆจนทนไม่ไหว หันไปพึ่ง นายพลตำรวจใหญ่ฝ่ายตรงข้าม จนเกิดคดีเป้รักผู้การฯเทาไหร่ให้เขียนมา
ขณะที่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นไปในทำนองเดียวกัน หากสมาชิกในแก๊งถูกจับกุมจะมีตำรวจในสังกัดบิ๊กตำรวจ เดินทางไปดูแลผู้ต้องหาถึงโรงพัก แถมเกลี้ยกลอมเหยื่อให้ยอมความยอมรับเงินเพียงหยิบมือ ถ้าไม่ยอมความจะแสดงอาการข่มขู่จนเหยื่อผวา
ยิ่งส่องถึงการบริหารงานภายในองค์กรจะพบว่าแทบทุกระดับแตกแยกหนัก แตกสามัคคีแบ่งฝ่ายฟาดฟันกันอย่างชัดเจน ตำรวจไร้เส้น ไร้สังกัด ไม่มีปัจจัยหนุนจะทำหน้าที่แบบแกนๆ และถือว่าเป็นยุค เหล่าบรรดาตำรวจถูกกล่าวหาว่าโกงมากที่สุด เพราะต่างร้องเรียนให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)สอบสวน ตั้งแต่ระดับ ผบ.ตร.ยันชั้นประทวน หลายคดีชี้มูลไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อมองถึงปรากฏการณ์ที่ยกมาพอฉายภาพให้เห็นว่าทำไมอาชญากรรมแต่ละประเภทถึงปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.รับมือได้ค่อยข้างดี เพราะผลสืบสวนจับกุมออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่หัวหน้าโรงพัก ผู้บังคับการทั้งภูธรละนครบาล หลายหน่วยเป็นแค่รักษาการฯ
ครั้นจะมองว่างานเป็นหนักของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่ต้องปัดกวาด มิได้เกินเลยแต่อย่างใด ถ้าจะให้เห็นผลในเวลาอันรวดเร็ว นายกรัฐมนตรีและพ่อนายกรัฐมนตรี ต้องประกาศให้ชัดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตั้งแต่ระดับ รอง ผบช.-สว.ห้ามฝ่ายการเมืองทุกภาคส่วนก้าวก่าย ปล่อยให้ ผบ.ตร.มีอำนาจเต็มในการจัดทัพ
หากทำได้จริงปัญหาอาชญากรรมที่กำลังรุมเร้าและมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเพราะพิษเศรษฐกิจ เชื่อว่าตำรวจเอาอยู่แน่นอน นั่นคือต้องแข่งกันทำเพื่อให้เข้าตา ผบ.ตร. เพราะ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยขายฝันไว้ว่าหากจะก้าวหน้าต้องใช้ผลงานแลก !!!