เงินหมื่นมา-ราคาสินค้าพุ่ง น้ำมันปาล์มขยับ-อย่าต้องเข้าคิวซื้อ หวั่นซ้ำรอยแบบ”เตะหมูเข้าปากหมา

606

                     
“หากติดตามข่าวจากสื่อสำนักต่างๆรวมโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม จะให้พื้นที่ข่าวกับคดีดิไอคอน ข่าวทนายความคนดังกลับเงินเสน่หา 71 ล้าน ข่าวเลือกประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศ ข่าวพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลถึงขั้นละแลงกันว่าไทยจะเสียเกาะกูด จนแทบจะเลยข่าวปากท้องของชาวบ้านที่กำลังเผชิญกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพาเหรดกับขึ้นราคาแบบเงียบๆ หลังรัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาทให้กับชาวบ้านกว่า 14 ล้านคน

  ซึ่งการขยับราคาสินค้าหากไม่ใช่คนที่เดินจ่ายตลาดหรือซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต ประจำจะไม่รู้สึกว่ามีการซุ่มเงียบ เพราะสินค้าบางตัวขยับขึ้น 1-2 บาท บางตัวราคาเดิมแต่ลดปริมาณลง บางตัวจัดโปรโมชั่น พอหมดโปรโมชั่นจะขายราคาที่สูงกว่าเดิม ยิ่งถ้าเดินในตลาดนัดหลังเงินหมื่นถูกจ่ายหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว จะได้ยินเสียงบ่นจากพ่อค้าแม่ค้าว่าซบเซา ลูกค้าหายไปไหนหมด สินค้าประเภทที่ไม่จำเป็นกับชีวิตประจำอย่างเสื้อผ้า เครื่องประดับ ขายแทบไม่ออก เพราะชาวบ้านเดินตลาดนัดส่วนใหญ่มีรายได้แค่พอประทังชีวิตให้ผ่านไปแบบเดือนชนเดือน

    แม่ค้าขายเสื้อผ้าเล่าว่าซบเซามานานประกอบอากาศแปรปรวนฝนตกบ่อย แทบจะขายไม่ออก แม้เสื้อผ้าไม่ใช่ของบูดเน่า เก็บไว้ขายได้แต่เมื่อขายไม่ออก รายได้ไม่มี บางวันไม่พอกับค่าเช่าแผงด้วยซ้ำ จะคึกคักหน่อยช่วงที่แจกเงิน 10,000 บาท แต่คึกได้ไม่เกิน 3 วันกลับสู่ภาวะเงียบเหมือนเดิม

พ่อค้าหอยทอดผัดไทย เล่าให้ฟังว่าเปิดร้านตั้งแต่เวลา 11.00 น.ปิดร้านเวลา 20.30 น.ยอดขายตกมาก บางวันนั่งรอลูกค้าจนถึง 3 ทุ่ม ไม่มีลูกค้ามาสั่งซื้อเลย แม้สั่งทางออนไลน์ก็เงียบสนิท บางสัปดาห์เงียบติดต่อกันถึง 3 วัน วัตถุดิบเหลือบาน บางวันโชคดีขายหมดแต่เกิดขึ้นไม่บ่อย ช่วงนี้น้ำมันปาล์มปรับขึ้นราคาอีกขวดละ 2-3 บาท เท่ากับเพิ่มต้นทุนไปโดยปริยาย

     ที่ยกมาเป็นเสียงสะท้อนเพียงบางส่วนถึงรายได้หดหายของผู้ขาย ส่วนผู้ซื้อคงไม่ต้องสาธยายมากเพราะต่างอยู่ในภาวะที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง ยิ่งต้องอยู่ในภาวะที่ผ่อนทุกอย่างไม่ต้องอธิบายให้มากความผลกำไรจากแบงก์พาณิชย์แห่งละนับแสนล้านเป็นเครื่องหมายการันตีได้อย่างดี โดยที่ผู้บริหารแบงก์ชาติยืนยิ้มกริ่มบนหอคองาช้าง

ฟังพ่อค้าหอยทอดบอกว่าราคาน้ำปาล์มขึ้นราคา นึกถึงอดีตยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เกิดวิกฤตน้ำมันปาล์มขาดตลาด ต้องเข้าคิวซื้อแถมถูกจำกัดปริมาณการซื้อ ทั้งที่ไทยเป็นแหล่งผลิตปาล์มรายใหญ่ของโลก เมื่อน้ำมันปาล์มขาดตลาดรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ อนุมัติให้นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากมาเลเซีย พ่อค้าปาล์มทางภาคใต้เดินทางเข้าไปสั่งซื้อ ปรากฏว่าราคาขยับสูงพอๆกับราคาในประเทศไทย

    ช่วงนั้นพ่อค้าน้ำมันปาล์มคนหนึ่งใน อ.สะเดา จ.สงขลา เล่าให้ฟังว่า ได้สอบถามกับพ่อค้าน้ำมันปาล์มในมาเลเซียว่าทำไมปรับราคาสูงขึ้น ได้รับคำตอบว่าก่อนที่ไทยจะอนุมัตินำเข้ามีพ่อค้าจากไทยไมากว้านซื้อพร้อมจ่ายเงินไว้เรียบร้อยแล้วในราคาลิตรละ 29-30 บาท ถ้าจะซื้อต้องจ่ายราคาลิตรละ 35-40 บาท

    “การซื้อขายจึงไม่เกิดขึ้น พอเดินทางกลับไทยได้ทราบข้อมูลจากพ่อค้าปาล์มด้วยกันว่าเครือข่ายนักการเมืองในรัฐบาลเข้าไปกว้านซื้อไว้เรียบร้อยแล้ว พอรัฐบาลอนุมัติไม่ทันข้ามวันทัพรถบรรทุกน้ำมันปาล์มขับมาจ่อคิวเข้าด่านที่สะเดาแล้ว”พ่อค้าคนเดิมระบุและว่าระหว่างนำเข้ามีการสำแดงเท็จด้วย มีทั้งน้ำมันปาล์มที่ถูกต้องตามกฎหมายและน้ำมันปาล์มเถื่อนถูกลำเลียงเข้ามา ผลประโยชน์เหล่านี้สร้างความร่ำรวยให้เครือข่ายนักการเมืองคนนี้มหาศาล

       ดังนั้นห้วงเวลานี้ราคาผลปาล์มของไทยขยับตัวสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 9 บาท ส่งผลให้น้ำมันปาล์มขยับตัวสูงขึ้น ทางนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่าราคาขยับขึ้น เนื่องจากผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อยลง เพราะภัยแล้ง สั่งให้กรมการค้าภายในพิจารณามาตรการดูแล ระยะสั้นห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและขอความร่วมมือไม่ให้ขายเกินราคาขวดละ 50 บาท

   ขณะที่กรมการค้าภายในระบุว่าสถานการณ์ยังไม่น่าห่วง ได้ขอความร่วมมือกับสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ร่วมมืองดส่งออกรวมถึงบริหารจัดการสะต๊อกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคตลอดเวลา 2 เดือนนี้ ขอให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันปาล์มกักตุนเพราะผลปาล์มจะเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่มกราคม 2568

    เมื่อมองบริบทของกระทรวงพาณิชย์แล้วพออนุมานได้ว่าเอาอยู่ แต่ไม่ควรประมาทเพราะสภาพอากาศไว้ใจไม่ได้ ยิ่งภาคใต้อยู่ในช่วงฤดูฝนด้วยที่คาดหมายว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติเดือนมกราคม 2568 อย่างวางใจ จึงควรหามาตรการอื่นรองรับไว้ด้วย แต่ต้องเป็นมาตรการที่ไร้วาระซ่อนเร้น เพราะถ้ามีวาระซ่อนเร้นเหมือนยุคก่อนจะเข้าทำนองเดิมคือเตะหมูเข้าปากหมา

    “จอมมารน้อย”หยิบขึ้นมาเขียนเพื่อสื่อสารถึงรัฐบาลว่าช่วงเร่งแก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านบ้างเถอะ เพราะต่างอยู่กันแบบเขียมๆและกำลังเข้าสู่ภาวะไม่มีจะกินกันแล้ว !!!