ผบ.ตร. ยันสามารถแจ้งข้อกล่าวหา ผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป ทันเดือนนี้แน่นอน พร้อมฝากถึงกลุ่มผู้บริหารหากจะฟ้องกลับ ก็ฟ้องมาที่ตนเพียงคนเดียว ยืนยันผู้เสียหายต้องได้รับความเป็นธรรม เผยขณะนี้สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว กว่า 900 คน สูญกว่า 400 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป”
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วกว่า 900 คน รวมมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 400 ล้านบาท และมีการระดมพนักงานสอบสวนกว่า 100 คน เข้ามาทยอยสอบปากคำผู้เสียหาย ส่วนเรื่องการตรวจค้นบริษัท มีการตรวจยึดพยานหลักฐานมาตรวจสอบ ซึ่งได้มีการส่งหนังสือไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยทาง ปปง. จะมีการนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการทำธุรกรรมในวันที่ 17 ตุลาคม นี้
กรณีการขอศาลออกหมายเรียกหรือหมายจับนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ รัดกุม และถึงแม้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีการมาชี้แจง แสดงตัวตน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกออกหมายจับหรือหมายเรียก ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำไว้ในฐานะผู้ที่ถูกกล่าวหาไว้แล้วทั้งหมด และถึงแม้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีการมาชี้แจง แสดงตัวตน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกออกหมายจับหรือหมายเรียก และถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำไว้ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด และยืนยันว่าภายในสิ้นเดือนนี้สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ทันอย่างแน่นอน และจะต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบอีกครั้งหนึ่งว่าคดีนี้จะเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่
ส่วนกรณีที่ปรากฏคลิปเสียงคล้ายนักการเมืองชื่อดังพรรคหนึ่งไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ยังขอไม่เปิดเผย เพราะเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี และเป็นกังวลว่าผู้ที่รู้ตัวว่ากระทำความผิดจะรู้ตัว แต่ขอยืนยันว่า หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องในการสนับสนุนธุรกิจนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายก็พร้อมที่จะดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่เว้นแม้กระทั่งตำรวจ ส่วนแม่ข่ายเบื้องต้นได้สอบสวนไว้เป็นพยานก่อน หากพบความผิดก็เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหา
ส่วนกรณีที่ตำรวจสถานีท้องถิ่นแล้วก็รับพื้นที่ไม่รับแจ้งความผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า ตนได้มีหนังสือวิทยุราชการแจ้งไป 2 ครั้ง กำชับให้ทุกสถานีตำรวจอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความเบื้องต้น โดยให้ บก.ปคบ. กำหนดประเด็นไปให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำ ฝากถึงพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ ถ้าไม่ดำเนินการตามแนวทางนโยบายที่กำหนดไปแล้วมีพยานหลักฐานว่าไม่รับแจ้งความ ตนจะดำเนินการทางวินัยทั้งหมด
ทั้งนี้ กรณีมีข้อสงสัย ต้องการแจ้งเบาะแส ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับกรณีหลอกลวงขายทองรูปพรรณ ของ น.ส.กรกนก-นายกานต์พล และ กรณีการขายตรงของบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” สามารถโทรสอบถามได้ที่ สายด่วน 1599