จาก”น้ำตกปิตุ๊โกร”สู่ดอยมะม่วง(สามหมื่น)อุ้มผาง (2)

1170

กลับมาบอกเล่าเรื่องราวการเดินป่าและพิชิตน้ำตกและยอดเขาที่รองเท้าแก้วเชื่อว่าเป็นอีกหมุดหมายของนักท่องเที่ยวสำหรับน้ำตกปิตุ๊โกร(น้ำตกรูปหัวใจ) ดอยมะม่วงสามหหมื่น และน้ำตกทีลอซู ซึ่งคราวที่แล้วรองเท้าแก้วได้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางมาถึงแคมป์ที่พักกลางป่าและไปเที่ยวน้ำตกรูปหัวใจหรือน้ำตกปิตุ๊โกรไปแล้ว วันนี้เรายังคงอยู่กันที่แคมป์กลางป่าติดลำธารของ “ลุงสิงห์”เพื่อเตรียมออกเดินทางสู่ดอยมะม่วงสามหมื่น แต่จะพิชิตได้หรือไม่นั้นต้องมาลุ้นกัน


ก่อนอื่นอยากแนะนำพ่อครัวประจำแคมป์ลุงสิงห์ ชื่อ”ยุทธ”ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาทำเมนูไข่เจียว ยำปลากระป๋อง ผัดผักกาดขาว แถมเหล้าขาวอีกคนละ2จอก เพื่อมิตรภาพว่างั้น!!! กับข้าวฝีมือยุทธ ทำเอาเราแปลกใจเพราะแม้แต่ไข่เจียว ทั้งความหนานุ่มกรอบอร่อย เหมือนกันกับที่เรากินที่โฮมสเตย์เป๊ะๆ ก่อนจะมารู้ว่า “ยุทธ” นั้น เป็นเด็กที่ลุงสิงห์ปั้นมากับมื้อ เรียกได้ว่าลุงสิงห์พาเข้าครัวฝึกทำกับข้าวมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบเลยทีเดียว ซึ่งมาทราบเหตุผลทีหลังจากป้าเป้า ภรรยาของลุงสิงห์ ว่า อยากให้กับข้าวที่”คำสิงห์โฮมสเตย์”อร่อยรสชาติถูกปากนักท่องเที่ยวเหมือนกัน และเผื่อว่าวันไหนป้าหรือลุงสิงห์ติดธุระเข้าครัวเองไม่ได้ ก็มีคนทำแทน ซึ่งนอกจากจะมี ยุทธแล้ว ยังมีพี่สาวแท้ๆของ ไข่ทอด เป็นคนทำกับข้าวด้วย ได้ฟังแบบนั้นเราถึงกับนึกอิจฉาเบาๆเพราะฝีมือการทำกับข้าวขนาดนี้ เปิดร้านอาหารได้สบายๆเลย



เช้าวันที่ 23 ตุลาคม 63 ไกด์ชาวเมียนมาชื่อว่า”ไข่ทอด” บอกว่าเช้ามืดวันนี้เราจะต้องออกเดินทางกันตอนตี 04.30 น.เพื่อขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและสัมผัสทะเลหมอกยามเช้าที่ดอยมะม่วงสามหมื่น (แต่เราต่อรองขอหมื่นห้าก่อน)​สำหรับมื้อเช้าเป็นข้าวผัดไข่สำหรับเราเองที่ไม่ทานเนื้อสัตว์และข้าวผัดกุนเชียงสำหรับพี่ๆสมาชิก ส่วนมื้อเที่ยงเป็นไข่ต้มกับน้ำพริกปลากระป๋อง กับข้าวทั้ง2มื้อ ถูกบรรจุในกล่องพลาสติกปิดฝาสนิทโดยไกด์ไข่ทอด บริการแบกขึ้นไปให้เราทั้ง 4 คนกินบนยอดดอย ส่วนช้อนและน้ำดื่มเราต้องพกติดตัวขึ้นไปเอง

ทางขึ้นเขาทั้งสูงและชันมากๆ เราปีนป่ายขึ้นไปได้ไม่นานก็แทบหมดแรง ประกอบกับเดินมาทั้งวันยังไม่ได้พัก ก็ทำเอาแทบถอดใจกันไปข้าง แต่พอหันกลับไปมองข้างหลัง ก็มาไกลเกินจะถอยหลังกลับแล้ว(จริงๆฟ้ายังมืดเดินกลับไม่ได้) เราพยายามเดินและหยุดพักไปเรื่อยๆผ่านแค้มป์เก่าที่เคยเป็นที่พักแรมของนักท่องเที่ยวก่อนจะย้ายไปแคมป์ใหม่ติดริมลำธารที่เราพักกัน เราหยุดพักไม่นานก็ต้องเดินต่อ

“ในที่สุดก็มาถึงจุดพักกินข้าว บนนี้มองเห็นน้ำตกปิตุ๊โกรอยู่เบื้องล่าง มีทะเลหมอกและแสงแดดอ่อนๆยามเช้า เหนือขึ้นไปบนภูเขามีหมอกขาวจางๆลอยปกคลุม ภาพที่เห็นให้ความรู้สึกเหมือนเทือกเขาแอลป์ (ใช่ เราไม่เคยไปหรอก เราแค่เห็นในหนัง The lord of the ring)​ เราจึงไม่รอช้ารีบเปิดกล่องข้าว เอ้ย! รีบยกกล้องถ่ายรูปกดซัดเตอร์รัวๆ ฮ่าๆ แต่การกินข้าวบนนั้นก็อร่อยจริงๆนะ”

หลังกินข้าวเช้า ไกด์ก็พาเดินปีนเขาต่อ เรามองเห็นยอดเขาสามหมื่นอยู่ไกลๆเดินต่อไปได้โดยมีแรงบันดาลใจคือเสาสัญญาณโทรศัพท์ ที่ความสูง 1,247 เมตร เมื่อไปถึงเราทุกคนก็หามุมของตัวเองและนั่งพักเอาแรง พร้อมกับเชคอินกับภาพสวยๆของน้ำตกปิตุ๊โกรที่เราไปถ่ายมาเมื่อวาน และโทรศัพท์หาคนที่เราต่างก็คิดถึง เพราะหากลงไปจากจุดนี้เราก็ต้องอยู่แบบไม่มีสัญญาณโทศัพท์ต่อไปอีกเกือบหนึ่งวัน ดังนั้นเราจึงใช้เวลาอยู่จุดนี้นานหน่อย

สักพักไกด์ไข่ทอดก็บอกเราว่าถึงเวลาต้องเดินทางต่อแล้ว เราจะไปต่อข้างหน้าเพื่อไปดอยมะม่วงสามหมื่น หรือว่าจะหยุดไว้เท่านี้ก่อน เราปรึกษากันไม่นานก็ได้ข้อสรุปว่า หยุดไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน เพราะสมาชิกที่ไปด้วยกันบอกว่าเดินต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ และเรามาถึงบนนี้ได้ก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและหมอกยามเช้าแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าถ้าร่างกายมีความพร้อมกว่านี้ เราค่อยกลับมาพิชิตกันต่อ



เราเดินลงจากครึ่งทางของดอยมะม่วงสามหมื่น สวนทางกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่ตอนแรกตั้งใจจะไปดอยอมะม่วงสามหมื่น แต่พอสักพักก็เดินกลับลงมาแบบเดียวกันกับเรา จึงถ่ายรูปร่วมกันไว้เป็นที่ระลึก เราเดินลงมาและแวะกินมื้อเที่ยงจุดเดียวกับที่พักกินข้าวเช้า เมนูตอนเที่ยงคือ น้ำพริกปลากระป๋องกับไข่ต้ม ตามด้วยแอปเปิ้ลสดๆจากตลาดมูเซอกรอบอร่อยดี หลังจากกินอิ่มแล้วเราก็พักเอาแรงและเดินกลับมาที่แคมป์ลุงสิงห์ ก่อนจะเก็บเต็นท์และกระเป๋า เพื่อออกจากป่าและกลับที่พักที่คำสิงห์โฮมสเตย์ เพื่อนอนพักเอาแรง โดยมื้อเย็นป้าเป้ายังคงจัดเต็มทุกเมนูให้เราเหมือนเดิม โดยจะนัดหมายการเดินทางสู่น้ำตกทีลอซู หมุดหมายหลักของเราในทริปนี้ ด้วยการล่องแพและต่อด้วยรถยนต์ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ครั้งหน้ามาออกเดินทางไปพร้อมๆกันค่ะ


สำหรับ “ดอยมะม่วงสามหมื่น” ตั้งอยู่ใน ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ กับ น้ำตกรูปหัวใจ หรือ น้ำตกเปรโต๊ะลอซู อยู่ในความรับผิดชอบของ หมู่บ้านกุยเลอตอ ต้องใช้วิถีเดินเท้าเข้าไปในป่าประมาณ 4-5 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมากางเต็นท์นอนชมธรรมชาติกลางป่ากันเลย ส่วนเส้นทางเดินขึ้นสู่ ดอยมะม่วงสามหมื่น จะเป็นทางชัน เนินสูงต่ำ บรรยากาศและวิวระหว่างทางเป็นตัวช่วยที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากไปถึงด้านบนให้เร็วที่สุด เพราะมีความสวยงามและระหว่างทางขึ้นดอยก็จะผ่านจุดรับสัญญาณโทรศัพท์ที่ความสูง 1,247 เมตร ถือเป็นจุดแวะพักก่อนจะต้องเดินต่อไปอีกครึ่งทางเพื่อพิชิตยอดดอย

ส่วนชื่อของ”ดอยมะม่วงสามหมื่น”น่าจะมาจากวิวของด้านบนสุด ที่พอมองลงมาแล้วเหมือนกับผลมะม่วงนั่นเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนด้วย แต่ถ้าไปพูดชื่อนี้กับชาวบ้านก็อาจจะงงๆเพราะคนในพื้นที่จะเรียกกันว่า “ดอยสามหมื่น”

ทางที่สูงและชันแม้จะเดินลำบากจนบางครั้งแทบถอดใจ แต่พอเดินขึ้นไปถึงแล้ว บนนั้นสวยงาม จนเราลืมความเหนื่อยล้าและแอบภูมิใจว่าในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ

รองเท้าแก้ว