ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีประชาชนกว่า 30 ราย ร้องเรียนศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หลังตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพหลอกนำเงินมาลงทุนในการซื้อขายทองคำ การันตีผลตอบแทนสูง ทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายจำนวนมากกว่า 50 ล้านบาท
โดยหลังได้รับการร้องเรียนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานงานกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท โดยพฤติกรรมของคนร้ายคือนางสาวปวีรา วงษ์ภักดี กับนายไพรัตน์ เรืองโสภา ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นแฟนกัน ใช้วิธีโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ FACEBOOK ชักชวนประชาชนทั่วไปมาร่วมลงทุนซื้อขายทองคำแท่ง โดยอ้างว่า ทองคำแท่งที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดมาจำหน่ายให้กับสมาชิก เพื่อนำไปขายต่อหากำไร ซึ่งตนไม่มีหน้าร้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่า ไม่เสียค่าพนักงาน ไม่มีค่าน้ำค่าไฟต่างๆ ทำให้ขายได้ราคาถูก โดยได้ทองคำแท่งมาจากร้านทองที่น่าเชื่อถือ แล้วมีการขายเอากำไรเป็นทอดๆ
โดยในช่วงแรกผู้ซื้อจะได้รับทองคำจริง หรือได้กำไรจากเงินส่วนต่างจริง หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ ผู้ต้องหาจะใช้อุบายหลอกลวงเพื่อให้ผู้เสียหายระดมเงินมาลงทุนก้อนใหญ่ ซึ่งจากนั้นก็ไม่ได้รับทองคำหรือกำไรตามที่แจ้งหลังจากได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย จำนวนกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาทแล้วหลบหนีไป
ชุดสืบสวนได้สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่าได้หลบหนีและทิ้งทรัพย์สินมีค่าไว้ในห้องพักหลายรายการ เจ้าของห้องเช่าได้นาทรัพย์สินมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตารวจไว้ ได้แก่ รถจักรยานยนต์ จานวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จานวน 2 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จานวน 15 เล่ม และได้หลบหนีกบดาน ในพื้นที่หลายจังหวัดเรื่อยมา จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมได้ ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561
ทั้งนี้ เจ้าหน้าหน้าแจ้งข้อหา น.ส.ปวีรา พวกรวม 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชำชน” โดยหลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่ออายัดทรัพย์ทั้งหมดร่วมกับสถาบันการเงิน และ ปปง. เพื่อเยียวยาผู้เสียหายโดยเร็ว พร้อมฟากถึงประชาชนให้ตรวจสอบให้ดีก่อนลงทุนต่าง ๆ ที่อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว