หน้าแรกการเมืองพบพิรุธอื้อ ส่อทุจริต!! “ศุภณัฐ” หั่นงบกรมข้าว-กรมชล ขอตัดทิ้งโครงการระบบสูบน้ำ  

พบพิรุธอื้อ ส่อทุจริต!! “ศุภณัฐ” หั่นงบกรมข้าว-กรมชล ขอตัดทิ้งโครงการระบบสูบน้ำ  

ที่รัฐสภา วันที่ 4  กันยายน 2567 ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ เขต 9 กทม. พรรคประชาชน อภิปรายการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะกรมการข้าวและกรมชลประทานว่า กรมการข้าวมี 2 โครงการที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยและสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต คือ การติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบบาดาล 13 จุด งบประมาณ 62 ล้าน ส่วนโครงการที่สองคือ โครงการระบบสูบน้ำแบบผิวดิน 480 ล้าน ซึ่งในชั้น กมธ.ปรับลดงบทั้ง 2 โครงการจาก 543 ล้านปรับลดเหลือ 447 ล้านบาท

ศุภณัฐอภิปรายขอตัดทั้ง 2 โครงการ โดยระบุว่า มีพฤติกรรมที่ส่อทุจริตหลายอย่าง คือ การได้มาซึ่งราคากลางของกรมการข้าวไม่ได้คำนวณเอง แต่ใช้การสืบราคาทั้งโครงการ แล้วให้เอกชน 3 เจ้าเสนอโครงการมาแล้วเลือกเอาเจ้าที่ต่ำที่สุดมาตั้งคิดราคากลาง ซึ่งต้องบอกว่า ระบบสูบน้ำทั้ง 2 โครงการ มีส่วนงานโยธา คือ งานโครงสร้างและงานครุภัณฑ์ ปกติตามหน่วยงานทั่วไป อย่างกรมทางหลวง กรมโยธา กรมชลประทาน จะใช้การคำนวณงานโยธาด้วยตัวเอง ส่วนงานคุรภัณฑ์บางอย่างที่ไม่ทราบ ไม่เคยจัดซื้อมาก่อนเท่านั้น ที่จะใช้วิธีการสืบราคา แต่ครั้งนี้กรมการข้าวใช้การสืบราคาทั้งก้อน

“วิธีนี้เสี่ยงที่จะปั้นราคาได้ง่ายโดยไม่ต้องหาผู้รับผิดชอบ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำราคา แต่ให้เอกชนเป็นคนทำเอง ไม่ต่างจากการคิดราคาลู่วิ่งของ กทม.ที่ราคา 7.5 แสนต่อตัว เพราะเอาราคาต่ำสุดมาใช้ แต่กลายเป็นว่า ราคาต่ำสุดที่นำมาใช้ กลับเป็นราคาที่แพงสุดๆ”  สส.เขต 9 กทม.กล่าว

นอกจากนี้ยังมีปัญหาความน่าเชื่อถือของ 3 บริษัทที่กรมการข้าวไปสืบราคามา เพราะทั้ง 3 เจ้ามีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาทแต่กลับเสนอทำโครงการ 543 ล้านบาท “ที่สำคัญผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุดมีรายได้เพียงแค่ 2.6 ล้านบาทเท่านั้นในปี 65 คุณมีรายได้แค่ 2.6 ล้านบาททั้งปี แต่กำลังเสนอราคาให้ภาครัฐ 543 ล้าน มันเป็นไปได้เหรอครับ ต้องถามว่า กรมการข้าวใช้ดุลพินิจแบบไหนในการเลือกไปสอบถามบริษัทนี้ตั้งแต่แรก แค่ดูทุนจดทะเบียน แค่ดูรายได้ก็รู้แล้วว่า เขาไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ผมไม่ได้ดูถูกเขา แต่จากประสบการณ์และกลไกของภาครัฐที่บริษัทเหล่านี้มีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะมีสิทธิในการประมูลงานของภาครัฐ แล้วทำไมพวกเขาต้องมาเสียเวลามาทำเสนอราคาให้ภาครัฐฟรีๆ”  ศุภณัฐกล่าว

เขายังกล่าวด้วยว่าที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ใบเสนอราคาของทั้ง 3 บริษัทที่กรมการข้าวไปเอามาหน้าตาเหมือนกัน ทั้งรูปแบบและฟอนต์ จะต่างกันก็แค่โลโก้บริษัทและกรรมการผู้เซ็นต์ ความชำนาญของหน่วยงาน เนื่องจากกรมการข้าวใช้งบประมาณในการทำระบบสูบน้ำแบบบาดาลตอนแรกจุดละ 4.8 ล้าน ซึ่งในชั้นอนุ กมธ. ตรวจพบว่า กรมทรัพยากรน้ำบาลที่เสนอทำโครงการคล้ายๆ กันเสนองบมาแค่ 2.4 ล้าน เมื่อ กมธ.ได้นำใบเสนอราคา (BOQ) ให้กรมการข้าวดู และได้แขวนงบประมาณไป 1สัปดาห์ เมื่อกรมการข้าวกลับมาได้บอกว่า “นอนคิดมาทั้งคืนแล้วสามารถปรับลดกรมตัวเองได้ 50% ของโครงการ” จากโครงการละ 4.8 ล้าน ปรับลดได้เหลือ 2.4 ล้าน ให้เท่ากับกรมทรัพยากรน้ำบาล

“มันแปลว่าอะไร แปลว่าที่ผ่านมามีการบวกจนเกินเยอะแยะเต็มไปหมด และบังเอิญ กมธ.จับได้ใช่ไหม จึงขอปรับลดงบตัวเอง 50% แต่ก็ยังทำงานได้อยู่” ศุภณัฐตั้งคำถาม และอภิปรายต่อ ว่า ที่สำคัญโครงการนี้มีการล็อคสเปคสินค้าหลายรายการ ทั้งถังเก็บน้ำ ปั้มน้ำ แผงโซล่าเซลล์ ซึ่งต้องบอกว่า โครงการนี้เสี่ยงทุจริตชัดเจน แม้สามารถปรับลดงบประมาณไปแล้ว 95 ล้าน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธพฤติกรรมตั้งแต่แรกว่า สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตได้ ดังนั้นจึงขอตัดทั้งโครงการทิ้ง เพื่อไม่เป็นสารตั้งต้นของการทุจริต

ส.ส. กทม.พรรคประชาชน กล่าวว่า ส่วนที่สอง คือ งบประมาณของกรมชลประทานที่ต้องขอเปิดโปงว่า การตั้งงบประมาณโครงการ โดยเน้นที่การใช้แรงคน แทนการใช้เครื่องจักร ถือเป็นแทคติคในการทุจริตงบประมาณของเจ้าหน้าที่ ยกตัวอย่างโครงการซ่อมแซม บำรุงราคา 15 ล้านบาท จะมีค่าแรง 4.6 ล้าน ถือว่ามีสัดส่วนสูงถึง 30% ของงบประมาณ

ถ้าสังเกตเรตโดยใช้แรงคน จะมีอัตราต่อหน่วยแพงกว่าการใช้เครื่องจักรถึง 10 เท่าหรือบางโครงการก็ 15 เท่า ส่วนต่างมหาศาลนี้ คือ ส่วนต่างในการทุจริต เพราะแม้จะของบโดยใช้แรงคน แต่ในทางปฎิบัติม กลับไม่มีการจ้างคนจริงๆ มีการไปเรี่ยไรบัตรประชาชนของแรงงาน แล้วก็จ่ายเงินเล็กน้อย จากนั้นก็ไปจ้างให้ผู้รับเหมาให้ใช้เครื่องจักรทำงานจริงๆ สำหรับส่วนต่าง 90 % ก็เป็นช่องทางในการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่และส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

“ผมไม่ได้บอกว่า ทุกโครงการที่ใช้แรงงานคนต้องมีการทุจริตและไม่ได้บอกว่า โครงการที่โชว์ตรงนี้เป็นโครงการที่ทุจริต แต่คอนเซ็ปที่ใช้อยู่ตรงนี้เป็นสารตั้งต้นที่จะทำให้เกิดการทุจริต ผมเชื่อว่า เจ้าหน้าที่รู้และนักการเมืองบางคนก็รู้ แต่ยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขาให้ถูกต้อง” ศุภณัฐ กล่าว

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พรรคประชาชน #ศุภณัฐมีนชัยนันท์ #อภิปรายงบ68 #กรมการข้าว #กรมชลประทาน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img