“สิงหาฯว่าสาหัสแล้ว” แต่ประชาชนกำลังจะตาย!?

330

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เราก็คงมีความปรารถนาดี อยากให้รัฐบาลทำงานได้สำเร็จไว ๆ เหมือนกันนะครับ เพราะตอนนี้ประชาชน หลายคนแทบเอาตัวไม่รอดแล้ว รัฐบาลอยู่มาจะครบ1ปี ชาวบ้านบอกยังไม่เห็นวี่แววจะอยู่ดีกินดีเลย ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ ขวบปีหน้ายังไม่มีอะไรดีขึ้น จะเป็นผลเสียมากขึ้นไปอีก

จุดเริ่มต้นความบกพร่อง ล้มเหลวนี้หลายคนมองว่าเกิดจากการกระทำที่ไม่รักษาสัญญาในการหาเสียงหรือการที่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงได้ หลายเสียงที่ท้วงติง เพื่ออยากให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น

“1ปีที่แล้ว อะไรที่สัญญาไว้ก่อนการเลือกตั้งทำไม่ได้เลย ทั้งเรื่องการเมืองเห็นชัดเจนการไม่จับมือ 3 ป. อันนี้ทำไม่ได้ตามสัญญาแถมโดนด่ามาจนถึงวันนี้ ส่วนเรื่องนโยบาย หลายนโยบายเป็นนโยบายที่ดี แต่ปรากฏว่ารัฐบาลทำไม่ได้ ตั้งแต่นโยบาย ดิจิทัล wallet 10,000 บาท ว่าจะทำทันที หรือเรื่องลดค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ลดได้ไม่นาน แค่แว๊บเดียว ที่เหลือแพงเหมือนเดิม เพราะว่าไม่ได้ลดโดยการปรับโครงสร้างแบบที่เคยหาเสียง ท้ายที่สุดกองทุนพลังงานก็รับไม่ไหว ไม่กล้าที่จะแตะทุนใหญ่ กรณีค่าไฟแพง ค่าน้ำมันประเทศนี้แพงเกินเหตุ แต่บริษัทที่ให้บริการเหล่านี้กำไรเพิ่มขึ้น ๆ ทุกปี”

โดยปกติยี่ห้อไทยรักไทย (ต้นตระกูลของเพื่อไทย) เป็นแบรนด์ที่มากไปด้วยความน่าเชื่อถือ เมื่อออกนโยบายมาแล้วมักทำได้จริงจนเกิดแรงศรัทธา แต่ทำไมค่อนข้างที่จะผิดฟอร์ม?

ที่พร่ำบอกว่าจะทำให้ปัญหาปากท้องดีขึ้น คนไทยจะมีกินมีใช้แน่นอนเมื่อเป็นรัฐบาล แต่วันนี้ไม่ได้ทำแล้วยังตรงกันข้าม จะเห็นว่าเศรษฐกิจแย่มาก คนชั้นกลางค่อนมาถึงล่างค่อนข้างหมดตัว หนี้สินล้นพ้น ซึ่งพวกเขมเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังจะตายหมดแล้ว อยู่ในสภาพที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้ไม่พอรายจ่าย หนี้สินท่วมหัว ดังดูจากตัวเลขเห็นว่าหนี้ครัวเรือนสูงถึง 91.3% หรือมากกว่า 16 ล้านล้านบาท ยังไม่นับรวบหนี้นอกระบบซึ่งดอกเบี้ยสูงมากร้อยละ 240 ต่อปี สะท้อนให้เห็นความล่มสลายของฐานราก

สิ่งที่น่าตกใจคือหนี้เสียประมาณ 1 ล้านล้านบาท คือหนี้ที่กู้มากิน กู้มาใช้ และหนี้เสียที่กำลังทะยานขึ้นอย่างไม่หยุด คือ หนี้เสียที่ต้องคนที่ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ นั่นหมายความว่าคนไทยจำนวนมากอาจถูกยึดบ้าน ถูกยึดรถไป จากข้อมูลกำลังจะถูกยึดเพิ่มขึ้น 20-30%

ตรงนี้คือสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้แก้ ภาคธุรกิจ SME โรงงานต่างๆ ตอนนี้ปิดตัวมาก คนตกงานเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่เห็นมีมาตรการที่จะเข้าไปช่วยแก้หนี้เติมทุนให้ SME อยู่ได้

ขณะเดียวกันภาพที่นายกฯ พยายามไปชวนคนมาลงทุน แต่ละเลยการดูแลทั้งภาคธุรกิจภายในประเทศ ละเลยการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนรายบุคคล

การจัดงบประมาณปี 2568  สส.หลายคนอภิปรายว่า นึกว่าจัดทำโดยรัฐบาลสมัย คสช. เพราะยังให้ความสำคัญกับเรื่องของความมั่นคง ที่สูงกว่างบประมาณด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดูงบฯ ด้านอื่นๆ ยกตัวอย่าง งบฯ ด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ ซึ่งหมายถึงสร้างสะพาน ถนน มากถึง 200,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบฯ การท่องเที่ยวที่หวังว่าเป็นเครื่องยนต์เดียวที่รัฐจะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลับมีแค่ 11,000 ล้านบาทหลายท่านว่าแปลกๆ ไหมครับ? นี่ยังไม่นับปัญหาที่คนของเราไม่มีองค์ความรู้ ไม่มีทักษะที่จะผลิตสินค้าที่โลกต้องการในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

นี่แค่ยกตัวอย่างยังสะท้อนให้เห็นว่าวิธีการคิดของรัฐบาลไม่ได้คิดสำหรับอนาคต ไม่ได้คิดที่จะรองรับโลกยุคใหม่ เพื่อจะ reskill upskill ให้ทั้งประชาชนวัยทำงานหรือวัยเรียน ไม่มีเรื่องของการปรับโครงสร้างระยะยาว

ภารกิจในการกู้เศรษฐกิจ กู้พรรคเพื่อไทยให้ทันก้าวไกล  แม้ว่าเขาจะใกล้ถูกยุบ แต่ยังคงทุบความนิยมเขาไม่ได้ อยากท้าให้คนในรัฐบาลตอนลงพื้นที่ไม่ว่าจะอยู่วงไหนไปแบบไม่มีคนต้อนรับ ลองไปฟังชาวบ้านจะบ่นเรื่องปากท้อง ข้าวของแพงทุกอย่าง กำลังซื้อหดขายไม่ดี ตลาดเงียบ แล้วก็จะพูดว่าสู้สมัยลุงตู่ไม่ได้ เพราะปรากฏว่า 1 ปีแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ไม่ได้

GDP ของประเทศหรือความมั่งคั่งของคนไทยจะไม่ได้เกิดขึ้นจากการทุ่มเททำ Digital wallet และงบฯ ทำถนนที่ทุ่มเทกันไป แต่มันเกิดจากการที่จะต้องคิดว่ารากของปัญหาคืออะไร

การเมืองในเดือนสิงหาคมที่เราต้องจับตาว่าสาหัสแล้ว แต่ตอนนี้ประชาชนเกินกว่าสาหัสครับ เขากำลังจะตายไปอย่างช้า ๆ