ที่กระทรวงการคลัง วันที่ 26 ก.ค. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 ว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ปรับเพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 2.4 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวทั้งเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวและรายจ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยวที่สูงกว่าประมาณการในครั้งก่อน โดยคาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36 ล้านคน ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 27.9 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ 35.7 ล้านคน และรายจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวคาดอยู่ที่ 47,000 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่อยู่ที่ 44,600 บาท/คน/ทริป เป็นผลมาจากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) เพิ่มขึ้นเป็น 93 ประเทศ/ดินแดน โดยรวมภาคการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้กว่า 1.69 ล้านล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.4
ขณะที่การส่งออกมีสัญญาณขยายตัวดีกว่าที่คาด โดยคาดขยายตัวร้อยละ 2.7 เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 2.3 โดยอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญขยายตัวได้ดีขึ้นโดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา จีน และยูโรโซน โดยมีการปรับตัวขึ้นของจีดีพีประเทศคู่ค้า 15 ประเทศหลักที่ร้อยละ 3.2 เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 3.1 ส่วนการบริโภคภาคเอกชนคาดขยายตัวร้อยละ 4.5 เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 3.5 ส่วนหนึ่งจากรายได้เกษตรกรขยายตัวร้อยละ 8 และภาษีมูลค่าเพิ่มที่แท้จริงซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้การใช้จ่ายและการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการทางการคลังและมาตรการด้านสินเชื่อและสภาพคล่องของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
รมช.คลังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ต่อปี ดุลบริการเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 เกินดุล 11.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 ของ GDP ทั้งนี้ตัวเลขการประมาณการนี้ ไม่ได้นับรวมผลที่คาดว่าจะได้รับในระบบเศรษฐกิจที่เกิดจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประมาณเบื้องต้นเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2567 ว่าหากพิจารณาเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะส่งผลช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 1.2-1.8 ตลอดทั้งโครงการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของเงิน เงื่อนไขโครงการ และจำนวนผู้มีเข้าร่วมโครงการ และพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้รับสิทธิ์
