“ประมง”ปิ๊งไอเดีย…ส่งปลาไทยไล่ล่าหมอคางดำ!

361


กรมประมงเสริมความมั่นใจแก่ประชาชน หลังผลการศึกษาชี้ชัด การปล่อยปลาผู้ล่ากินลูกปลาหมอคางดำเป็นการช่วยควบคุมแบบชีววิธี แถมไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในระยะยาว

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทั้งเกษตรกรชาวประมงและระบบนิเวศแหล่งน้ำในกว่า 16 จังหวัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ได้สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน กรมประมงได้ออกมาตรการสำคัญ 5 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยหนึ่งในนั้นคือ การปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการนี้จะดำเนินการต่อจากการใช้เครื่องมือประมงกำจัดปลาหมอคางดำร่วมกับชุมชนและหน่วยงานหลายภาคส่วน หลังจากที่ปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ถูกจับและลดจำนวนลง ปลาผู้ล่าที่ปล่อยนั้นจะไปกำจัดประชากรปลาหมอคางดำขนาดเล็ก ช่วยควบคุมวงจรการแพร่พันธุ์ของปลาในระยะต่อไป


กรมประมงขอสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปล่อยปลาผู้ล่า (Predatory Fish) ว่า การใช้ปลาผู้ล่าในการควบคุมชนิดพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นเป็นวิธีการควบคุมแบบชีววิธี (Biological Control) ที่ได้รับการวิจัยและนำมาใช้ในหลายประเทศอย่างกว้างขวาง ปลาผู้ล่าสามารถช่วยกำจัดสัตว์น้ำต่างถิ่นในบริเวณที่ไม่สามารถลงเครื่องมือประมงได้ เช่น ป่าชายเลน หรือ แหล่งน้ำที่มีอุปสรรคในการจับต่าง ๆ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในระยะยาว


หลังกรมประมงใช้ปลากะพงขาวและปลาอีกงขนาด 4 นิ้ว ให้เป็นปลาผู้ล่าปลาหมอคางดำในพื้นที่ทดลองเลียนแบบธรรมชาติ พบปลากะพงขาวและปลาอีกง สามารถใช้สัญชาตญาณนักล่าในการกำจัดปลาหมอคางดำขนาด 2-3 ซม. (ซึ่งเป็นขนาดที่กำลังจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ที่ประมาณ 4 ซม.) ได้วันละ 5-12 และ 3-4 ตัวต่อวัน แต่ไม่สามารถกินปลาหมอคางดำที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม.ได้ เพราะก้านครีบที่แข็งเป็นอุปสรรคต่อการกินและระบบย่อยอาหาร แต่เมื่อปลาผู้ล่ามีขนาดใหญ่ขึ้นก็สามารถกำจัดปลาหมอคางดำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ปลาหมอคางดำไม่สามารถกินปลาผู้ล่าได้ เนื่องจากขนาดของปากและขากรรไกรที่เล็กกว่า นอกจากปลากะพงขาวและปลาอีกงแล้ว ยังมีปลาผู้ล่าชนิดอื่น ๆ เช่น ปลากราย ปลาช่อน ปลากระสูบ ที่สามารถช่วยกำจัดปลาหมอคางดำได้เช่นกัน การเลือกชนิดพันธุ์ปลาผู้ล่าและอัตราการปล่อยให้เหมาะกับลักษณะของแต่ละพื้นที่หรือระบบนิเวศของแหล่งน้ำ เป็นเรื่องที่ต้องวางแผนและพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำพื้นเมืองที่มีอยู่เดิม รวมถึงการอยู่รอดของปลาผู้ล่าที่ปล่อยด้วย โดยทางสำนักงานประมงจังหวัดที่ประสบปัญหาจะเป็นผู้ดำเนินการเสนอแผนการปล่อยปลาผู้ล่า ผ่านคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำระดับจังหวัดมายังกรมประมงเพื่อพิจารณาเห็นชอบ


ปัจจุบัน กรมประมงได้เริ่มนำร่องปล่อยปลาผู้ล่าในบางพื้นที่แล้ว เช่น จ.สมุทรสาคร และระยอง ซึ่งกรมประมงจะติดตามประเมินผลการปล่อยปลาผู้ล่าเพื่อวิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่พันธุ์ ของประชากรปลาหมอคางดำขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น จำนวนปลาหมอคางดำลดลง จนถึงจุดที่เหมาะสมต่อการฟื้นฟูระบบนิเวศ กรมประมงจะเร่งดำเนินการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำพื้นเมืองในระบบนิเวศเดิม เพื่อฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำให้กับแหล่งน้ำของประเทศไทยสืบไป

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ปลาหมอคางดำ