วันที่ 5 ก.ค.67 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 1 ได้ร่วมกันจับกุม นางพัชรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 186/2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (สาร Phenyl methylamino propane hydrochloride หรือเมทแอมเฟตามีน ไฮโดรไรต์) อันเป็นการกระทำเพื่อส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ฐานสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และร่วมกันนำของที่ผ่านพิธีการศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามสำหรับของนั้น ๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหมู่บ้านในตำบลแหลม อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา และตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 แล้ว เนื่องจากขณะจับกุมตัวเป็นเวลาเย็นแล้วจึงได้นำตัวไปควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเขาพังไกร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งจะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไปในวันนี้
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 64/2564 ของกองคดีความมั่นคง โดยนางพัชรินทร์ฯ ผู้ต้องหา ได้ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนไทยและคนต่างชาติ ได้ร่วมกันซุกซ่อนยาเสพติดในช่องซิปกระเป๋าเดินทางโดยได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ ตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของผู้ต้องหาพบวัตถุ 2 ห่อ ซึ่งห่อด้วยกระดาษคาร์บอนภายในห่อบรรจุสารมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ทำการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นสาร Phenyl methylamino propane hydrochloride ปริมาณน้ำหนัก 1,550 กรัม จึงถูกจับกุมโดยความผิด ซึ่งหน้าในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยากระตุ้นประสาทและกฎหมายศุลกากรของประเทศญี่ปุ่น และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโอซากามีคำสั่งเนรเทศข้อหาพำนักเกินกำหนดที่ได้รับอนุญาต และส่งตัวกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ การสอบสวนเสร็จสิ้นได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษไปยังพนักงานอัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้องนางพัชรินทร์ฯ กับพวก จึงได้ติดตามจับกุมตัวส่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการ ของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป