กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50-37.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 36.51 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 36.32-36.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯลดลงตามข้อมูลที่สร้างความหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจลดความร้อนแรง ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 5 ปี จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.00% สู่ 3.75% โดยระบุถึงความคืบหน้าในการดูแลเงินเฟ้อ แม้อีซีบียอมรับว่าแรงกดดันด้านราคาอาจจะสูงเกินเป้าหมายไปอีกหนึ่งปี และผู้กำหนดนโยบายไม่ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 18 ก.ค. โดยอีซีบีมองว่ามีโอกาสน้อยสำหรับการลดดอกเบี้ยลงอีกในเดือนหน้า หลังข้อมูลค่าจ้างและเงินเฟ้อในภาคบริการออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด โดยจุดสนใจของตลาดอยู่ที่การประชุมอีซีบีเดือนก.ย. อนึ่ง บอนด์ยิลด์สหรัฐฯลดช่วงลบท้ายสัปดาห์ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาสดใสเกินคาด หนุนค่าเงินดอลลาร์ขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 6,045 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 2,415 ล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ตลาดในสัปดาห์นี้ว่า จุดสนใจหลักของนักลงทุนจะอยู่ที่ข้อมูลเงินเฟ้อ เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)วันที่ 11-12 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% และประมาณการดอกเบี้ย (Dot Plot) ชุดใหม่โดยเจ้าหน้าที่เฟดมีแนวโน้มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพียง 1-2 ครั้งในปีนี้ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ยังร้อนแรง นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.1% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และอาจสื่อสารเกี่ยวกับการชะลอความเร็วในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างยืดหยุ่นและค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในการประชุมวันที่ 12 มิ.ย. ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังสอดคล้องกับที่กนง.ได้เคยประเมินไว้ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI)เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยถือเป็นการกลับเข้ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน จากราคาพลังงาน ผักสดและไข่ไก่ที่ปรับตัวสูงขึ้น