โฆษกสธ. เผย ‘สมศักดิ์’ ปลื้มหลังผลสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุ “30 บาทรักษาทุกที่”เป็นนโยบายที่ครองใจประชาชนสูงสุุด เป็ยความภูมิใจของบุคลากรสธ. ตั้งเป้าครอบคลุมทั้งประเทศภายในสิ้นปี
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า หลังจาก นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและ ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติแถลงข่าวผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครบ 6 เดือน ต่อการบริหารงานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินปี พ.ศ. 2567 พบ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นนโยบายที่ประชาชนมีความพึงพอใจมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 68.4 ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ และเมื่อได้มาเป็นรัฐบาล นายเศรษฐา ก็สั่งดำเนินการทันที ตั้งแต่สมัยที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นเจ้ากระทรวง ต่อเนื่องถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขคนปัจจุบัน เป็นการต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่เคยประสบความสำเร็จสมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมตรีเมื่อปี 2544 – 2548
เป็นความภาคภูมิใจของรัฐบาลและคนในกระทรวงทุกคน ทั้งนพ.โอภาส การย์วินพงศ์ ปลัดกระทรวง นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดฯ ผู้รับผิดชอบดูแลโครงการ ผู้บริหารถึงผู้ปฏิบัติ บุคลากรทุกภาคส่วนของกระทรวงทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค โดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดส่งยาไปถึงบ้านผู้ป่วยที่อยู่ในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนประทับใจ ชื่นชอบการให้บริการเพราะประหยัดเวลา สะดวก รู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่นโยบายนี้ประสบความสำเร็จ นำมาซึ่งความพอใจ และประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ สังกัด กระทรวงดีอี ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปด้วยวิธีการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างจากทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 6,970 ราย ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2567 สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนได้รับประโชน์อย่างแท้จริง นโยบายนี้เพิ่งเริ่มระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 7 มกราคม2567 นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรีและนราธิวาส ระยะที่ 2 เริ่มเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 นำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญและพังงา และระยะที่ 3 ในเดือนพฤษภาคม เพิ่มเป็น 6 เขตสุขภาพ อีก 33 จังหวัดทั้งภาคเหนือตอนบนตอนล่างในเขตสุขภาพที่ 1,3,4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเขตสุขภาพที่ 8,9 และภาคใต้ตอนล่างที่เขตสุขภาพที่ 12 จากนั้นระยะที่ 4 จะขยายครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี 2567
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นระยะนำร่อง ยังไม่ครบทั้ง 76 จังหวัด แต่ด้วยความทุ่มเท เอาจริงเอาจังของคนในกระทรวงสาธารณสุข การสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างการรับรู้อย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันประชาชนที่ได้รับผลจากการปฏิบัติได้พูดต่อๆกัน ทำให้ผลการสำรวจความคิดเห็นออกมาเช่นนี้ จึงเป็นกำลังใจให้นายสมศักดิ์ และผู้เกี่ยวข้องจะพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ในการดูแลรักษาโรคภัยไข้เจ็บเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนให้ดียิ่งๆ ขึ้น
โฆษกสธ.ฝ่ายการเมืองกล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลของนายเศรษฐา และ สธ.ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ จะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทำให้มีสุขภาพที่ดีถ้วนหน้าอย่างเท่าเทียมกัน