พอเหอะ..เอะอะ..!!! จะปฏิรูปตำรวจอีกแล้วหรือ? เลิกคิดเถอะ-เสียเวลา-เปลืองงบฯ 

4710


แค่”ยึดมั่นในกฎหมาย-เคร่งในระบบคุณธรรม”อย่าตีความกฎหมายแบบศรีธนนชัย แค่นี้ก็ฉลุยแล้ว
                         

        ไม่แน่ใจว่านายกสมาคมตำรวจ ประธานชมรมพนักงานสอบสวน นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ปรึกษาชมรมพนักงานสอบสวน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ(ภาคประชาชน)นโยบายตำรวจแห่งชาติ แกนนำกลุ่มไอลอว์และนักวิชาการด้านอาชญาวิทยา เกิดคึกอะไรถึงผนึกกำลังกันเปิดโรงแรมดังแถลงว่า”ปฏิรูปตำรวจเพื่อประชาชน”

       เนื้อหาหลักมุ่งเน้นประชาชนต้องได้รับการบริการที่ดีจากตำรวจ ตำรวจต้องไม่เรียกรับผลประโยชน์ ซื่อสัตย์ แก้ปัญหาโรงพักขาดแคลนกำลังและจัดให้มีสวัสดิการที่พร้อม และแก้ไขพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ 2565 เพิ่มเติมโดยเฉพาะที่มาของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ซึ่งประธาน ก.ตร.ต้องมาจากการเลือกตั้ง  สาเหตุที่คณะบุคคลเหล่านี้จะเดินหน้าปฏิรูปตำรวจ ความขัดแย้งระหว่าง 2 พล.ต.อ.น่าจะอยู่ในสมการนี้ด้วย
     

ที่จั่วหัวว่าให้เลิกคิด เสียเวลา เปลืองงบประมาณ เพราะจากประสบการณ์ในสนามข่าวที่คลุกคลีอยู่ในวงการตำรวจมาเกือบ 30 ปี ของ”ประดู่แดง” พบเจอกับการปฏิรูปตำรวจมานักต่อนักแล้วแต่ละครั้งเสียงบประมาณแผ่นดินหลายสิบล้านบาท ในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์  ใช้งบฯกว่า 30 ล้านบาทผลการศึกษาถูกเก็บซุก
   
ยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอย่างน้อย 2 ชุด เสียงบประมาณไปนับร้อยล้านบาท จนผลักดันออกมาเป็นกฎหมายตำรวจ 2565 บังคับใช้ไม่ทันข้ามปี ระเบียบข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้องยังร่างขึ้นมาเพื่อรองรับยังไม่เสร็จสิ้น จะผลักดันให้แก้ไขแล้วถ้าคิดจะปฏิรูปตำรวจเพื่อประชาชน ทำได้ไม่อยาก เพียงแค่ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก.ตร.และนายกรัฐมนตรี ยึดกฎหมายเป็นหลัก เคร่งครัดระบบคุณธรรม ก็พอแล้ว และถ้าประโยคที่ว่า “ตำรวจยังไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วจะไปให้ความเป็นธรรมกับประชาชนได้อย่างไร”ถูกขจัดออกไป รับรองว่าตำรวจทั่วประเทศทำงานแบบถวายหัวแน่นอน 


           แต่ที่ผ่านมาสิ่งเหล่านี้ถูกละเลยมาตลอด ขอยกตัวอย่างการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ครั้งล่าสุด อาวุโสน้อยสุดได้รับการแต่งตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน มาจากการเลือกตั้ง มีเพียง 1 คนที่ไม่เห็นด้วย อีก 5 คนนั่งนิ่งเหมือนถูกตบปาก
         หลังแต่งตั้งมีการอธิบายความว่ารอง ผบ.ตร.ที่ ก.ตร.ให้ความไว้วางใจมีศักยภาพพอที่จะนำพาองค์กรได้ แต่พอปฏิบัติจริงกลับล่มไม่เป็นท่า ยิ่งเทียบผลงานกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร.รักษาการผบ.ตร.ในเวลานี้แล้ว จัดว่าห่างชั้นเมื่อตั้งเบอร์ 1 กฎกติกาถูกละเลยแล้ว ระดับ รองผบ.ตร.-สารวัตร(สว.) จึงถูกละเลยเช่นกัน

    โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานก.ตร. พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยว่า “ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่ามีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง….”  น่าจะเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดี   แม้จะมาแก้ตัวในภายหลังว่า”ไม่มีอำนาจ ไม่เคยแทรกแซง ขอยืนยันว่า สส.ไม่ได้มาขอ ไม่เคยก้าวก่ายการแต่งตั้งผกก.และการแต่งตั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจของผม” การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นหัวใจสำคัญของงานบริหารบุคคล ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ตำรวจทั่วไปต่างหวังพึ่งที่จะผลักดันให้เกิดความเป็นธรรม แทบจะไม่ได้แสดงบทบาทอะไรให้รู้สึกว่าอุ่นใจเลย

        ถ้าคณะที่คิดจะปฏิรูปตำรวจ จะเดินหน้าอย่างจริงจัง ไม่ต้องคิดการใหญ่ เพียงแค่เคลื่อนไหวกระตุ้นให้ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาล ให้ความสำคัญงานด้านต่างๆที่จะทำให้ตำรวจมีขวัญกำลังใจที่ดี แล้วงานบริการประชาชนจะดีตามมาเอง ยกตัวอย่างเช่นใส่ใจกับความเป็นอยู่ของตำรวจระดับปฏิบัติการอย่างจริงจัง เพราะสภาพความเป็นอยู่และสวัสดิการด้านต่างๆไม่ได้ดึงดูดให้ตำรวจอยากปฏิบัติหน้าที่เต็มศักยภาพ กรณีตำรวจชั้นประทวนเป็นกำลังหลักเงินเดือนแทบจะไม่พอยาไส้ ถ้าเจอหัวหน้าโรงพักโลภออกแนวกินรวบ นอกจากอมเงินนอกระบบแล้ว เบี้ยเลี้ยงตำรวจในโรงพักจะถูกหักหัวคิวอีกต่างหาก

      พนักงานสอบสวนกำลังสำคัญในการทำสำนวนคดี เงินเดือนไม่พอยาไส้เช่นกัน แม้จะมีเงินค่าทำสำนวนก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการทำสำนวน บางโรงพักเจอหัวหน้าโรงพักโลภถูกหักหัวคิวอีกต่างหาก งานสืบสวน กว่าจะสืบสวนจับกุมคนร้ายได้ ต้องใช้เงินไปไม่น้อย บางคดีใช้เงินเรือนแสนแต่เบิกได้ไม่ถึง 20,000 บาท หากไม่ทำจะถูกผู้บังคับบัญชาไล่บี้ ส่งผลให้ฝ่ายสืบสวนต้องมีพฤติกรรมนอกลู่ หาเงินจากบ่อนการพนัน หรือเว็บพนันออนไลน์ หรือสถานบันเทิงผิดกฎหมาย พื้นที่ใด หัวหน้าโรงพัก ผู้บังคับการ และผู้บัญชาการ ได้ตำแหน่งมาจากการเซ็งลี้ การถอนทุนจะเกิดขึ้นแบบตำรวจท้องที่ต้องหนักใจ

      ที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างเพียงบางส่วน ถ้าจะแก้ไขกันอย่างจริงจัง ทำได้ไม่ยากและไม่จำเป็นต้องตั้งคณะปฏิรูปขึ้นมาเลย เพียงแค่บริหารจัดการแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับ “ยึดกฎหมายและระบบคุณธรรม”ทำให้ตำรวจสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรม และสวัสดิการด้านต่างๆได้รับการดูแลอย่างดี งานบริการที่ดีกับประชาชนจะตามมา

     แต่ที่ผ่านมาผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก.ตร.และรัฐบาล ไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ลักษณะนี้ให้เกิดขึ้นเลย ขอฝากถึงอดีตตำรวจว่า เลิกคิดเถอะเพราะเสียเวลา เปลืองงบฯและคงไม่สำเร็จ ขนาดเป็น ก.ตร.ยังโหวตแบบฝืนกติกา แล้วลอยตัว แบบขาดคุณธรรมให้ รอง ผบ.ตร.อาวุโสบ๊วย เป็น ผบ.ตร. เลย แล้วยังมีหน้าจะมาคิดปฏิรูปตำรวจโถๆๆๆ.!!!