ป.ป.ส.ขยายผลตรวจยึดเฮโรอีนซุกเครื่องทำสเลอบี้กว่า14กก.เตรียมส่งไต้หวัน ค่ากว่า100ล.

406

เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วม บช.ปส. และกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน แถลงตรวจยึดเฮโรอีน 14.8 กก. ลอบซุกผ่านเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็งเตรียมส่งไต้หวัน สุดท้ายไม่รอด เผยขยายผลจากเคสส่งยาผ่านหุ่นยนต์

สำนักงาน ป.ป.ส. กรุงเทพมหานคร-15 พ.ค.67 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พ.ต.อ.วรัตม์ เจตนนนท์ ผกก.กก.3 บก.ปส.1 บช.ปส., Mr.TUNG, YU-KUANG กระทรวงยุติธรรมไต้หวัน (Ministry of Justice Investigation Bureau : MJIB) แถลงผลการตรวจยึดเฮโรอีนนำหนัก 14.8 กิโลกรัม (40 แท่ง) ซุกซ่อนในเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง 2 เครื่อง เตรียมจัดส่งไปปลายทางไต้หวัน ผ่านการขนส่งทางท่าอากาศยาน เหตุเกิดที่ บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ กทม.

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนัก 14.8 กิโลกรัม (40 แท่ง) ซุกซ่อนในเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง จำนวน 2 เครื่อง (ขนาด 58 x 48 x 71 เซนติเมตร) โดย ภายในทำเป็นกล่องเหล็กขนาดกลางเพื่อใช้ซุกซ่อนเฮโรอีน เตรียมจัดส่งไปปลายทางได้หวัน ผ่านการขนส่งทางท่าอากาศยาน (ค่าขนส่งสินค้าดังกล่าวราคา 22,000 บาท)

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force : SITF) ตรวจยึดคีตามีน 320 กิโลกรัม ซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เหล็ก เตรียมส่ง ไต้หวันผ่านการขนส่งทางเรือ พร้อมขยายจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวน ร่วมกับ กระทรวงยุติธรรมไต้หวันอย่างใกล้ชิด กระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกับ บก.ปส.1 บช.ปส. สืบสวนทราบว่า มีบุคคลในเครือข่ายยาเสพสติดเตรียมจัดส่งยาเสพติดไปยังไต้หวัน จึงดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบพบพัสดุระหว่างประเทศต้องสงสัยที่คาดว่าจะซุกซ่อนยาเสพติด จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเครื่องทำเครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง จำนวน 2 เครื่อง โดยภายในทำเป็นกล่องเหล็กขนาดกลางเพื่อใช้ซุกซ่อนเฮโรอีน เครื่องละ 20 แห่ง (น้ำหนัก 7.4 กิโลกรัม) รวม 2 เครื่อง ซุกซ่อนเฮโรอีนน้ำหนักรวม 14.8 กิโลกรัม

ด้านนายปฤณ กล่าวว่า เครือข่ายดังกล่าวเป็นเครือข่ายเดียวกันกับขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบส่งเคตามีนไปกับ “หุ่นยนต์เหล็ก”เพื่อส่งออกไปยังไต้หวัน ซึ่งจะพยายามซุกซ่อนไปในสินค้าต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไปยังโรงงานเชื่อมเหล็กว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้เครือข่ายนี้ทำมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อ 9 ส.ค.66 MJIB ยึดเฮโรอีน 15.63 กก. ซุกซ่อนในเครื่องชงกาแฟ ณ ไต้หวัน 2.วันที่ 26 ก.ย.66 บช.ปส.ยึดเฮโรอีน 3.7 กก.ซุกซ่อนในเครื่องชงกาแฟเตรียมส่งออสเตรเลีย 3. วันที่ 25 เม.ย.67 SITF จับกุม 1 คน คีตามีน 320 กก. ซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เล็กเตรียมส่งไต้หวัน และครั้งที่ 4 เมื่อ 14 พ.ค.67 ป.ป.ส.ยึดเฮโรอีน 14.8 กก.ซุกซ่อนในเครื่องทำสเลอปี้ เตรียมส่งไต้หวัน

สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน เพื่อสืบสวนขยายผลถึงผู้รับสินค้าและเครือข่าย การค้ายาเสพติดในไต้หวัน โดยเฮโรอีน 14.8 กิโลกรัม หากสามารถลักลอบนำเข้าไปขายปลีกที่ไต้หวัน ราคารวม ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งราคาจเพิ่มสูงขึ้น 8 – 10 เท่า จากราคาในประเทศไทย และในส่วนของผู้ดำเนินการจัดส่ง สินค้า สำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างขยายผลรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการทางกฎหมาย

สถิติในห้วงปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.2566 – ปัจจุบัน) ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task force : AITF) มีสถิติการ จับกุม/ ตรวจ ยึด จำนวน 80 คดี ผู้ต้องหา 74 คน ของกลางยาบ้า 24,311 เม็ด ไอซ์ 43.20 กิโลกรัม เฮโรอีน 63.76 กิโลกรัม โคเคน 33.86 กิโลกรัม คีตามีน 3.2 กิโลกรัม เอ็กซ์ตาซี 14 เม็ด ประเทศปลายทางส่งออกส่วนใหญ่ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สามยังพบอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านการขนส่งทาง พัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ ผ่านการขนส่งทางอากาศ และ ซุกซ่อนในสินค้าต่างๆ ผ่านการขนส่งทางเรือ รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม ได้ยกการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระสำคัญของชาติ และในการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติต้องประสานงานกับต่างประเทศเชิงรุก เพื่อหาข้อมูลการข่าว และขยายผลเพื่อจัดการหัวหน้า เครือข่ายและยึดทรัพย์ ซึ่งรัฐบาลได้มีโครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่า อากาศยาน (Airport Interdiction Task force: AITF) และ สกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force : SITF) เป็นหน่วยปฏิบัติต้นทางในการสกัดกั้นการนำยาเสพติดเข้าพื้นที่ตอนใน และส่งออกไปยังประเทศที่สาม ทั้งนี้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวการสืบสวนร่วมกับหน่วยงาน ระหว่างประเทศ จะเป็นส่วนสำคัญช่วยให้การจับกุมประสบผลสำเร็จมากขึ้นเช่นในครั้งนี้ ซึ่งต้องขอบคุณความ ร่วมมือจาก MJIB หรือกระทรวงยุติธรรมไต้หวัน

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #เครื่องทำสเลอบี้ #ปปส #ข่าวอาชญากรรมวันนี้