ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2561 จัดโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงาน โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องน้ำท่วม เมื่อวานไปเยี่ยมไปดูน้ำท่วมที่ จ.เพชรบุรี ไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก แต่อยากให้มีการเตรียมตัว รัฐบาลไม่สามารถบอกได้ว่าจะไม่ท่วมร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ การจะดำเนินโครงการอะไรจะต้องทำประชาพิจารณ์ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น คลอง D9 รัฐบาลให้งบไป 300 กว่าล้าน เพื่อการระบายน้ำอีกเส้นทาง ซึ่งยังมีแผนดำเนินการอีก 2 เส้น แต่ต้องการทำประชาพิจารณ์จากประชาชน จึงต้องสร้างความเข้าใจกันให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาไม่ได้ รวมไปถึงโครงการก่อสร้างถนนหนทางเส้นต่างๆ ด้วย
“วันนี้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมีมาตรการดูแล แต่ไม่มีการพูดถึง พูดกันแต่ว่าน้ำล้นอยู่นั่นแหละ สื่อบางสื่อไปยืนถ่ายภาพอยู่ในน้ำ ทั้งนี้น้ำมันไม่ท่วมก็ไปยืนที่น้ำท่วมแล้วก็ถ่ายกันออกมา ผมไม่เข้าใจว่าสื่อแบบนี้มันคืออะไร เขียนอะไรที่มันเกินไป ผมไม่ได้หมายความว่ามันไม่ท่วม แต่อย่าบิดเบือนได้ไหม มันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ผมเข้าใจว่าเมื่อสื่อเริ่มมา อีกสื่อก็ต้องเขียนให้มากกว่าเดิม ก็จะกลายเป็นข่าวมากไปเรื่อยๆ เกิดการตื่นตระหนก วุ่นวาย สับสน การทำงานยากลำบากมากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า วันนี้ขอพูดหลายเรื่อง เพราะช่วงนี้ถือเป็นช่วงสำคัญในการสร้างความเข้าใจ สิ่งที่เราพยายามทำมาหลาย ๆ อย่างจะออกมาในปีนี้ หลังทำมา 3 ปีกว่า มันต้องแก้หลายอย่าง การจะปฏิรูปประเทศต้องดูปัญหาอุปสรรคภายในภายนอก หลายคนบอกว่าการปฏิรูปไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นการพูดด้วยความไม่เข้าใจ แต่หลายคนพูดด้วยความตั้งใจบิดเบือน สิ่งเหล่านี้คือทำให้เราทำงานได้ช้า และวันหน้าจะช้าไปกว่านี้อีก ถ้าเราเริ่มต้นในวันนี้ไม่ได้ จึงต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนทำวันนี้เริ่มต้นให้ได้ ช่วยกันวางรากฐาน รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติไว้แล้ว 20 ปี ถ้าทำได้เร็วกว่านั้นถือเป็นเรื่องที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เราต้องดีใจที่จะทำประโยชน์ให้ถึงคนทุกพื้นที่ ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักเรา คนไทยมีนิสัยอยู่อย่างคือความกตัญญูรู้คุณ ใครให้เราก็รักคนนั้น ใครไม่รู้จักก็ไม่รัก นั่นคือประเด็นสำคัญของการเป็นประชาธิปไตยเรา ฉะนั้น การเป็นประชาธิปไตยของเรา ตนคาดหวังว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต้องทำงานตามยุทธศาสตร์นี้ เพื่อให้เกิดความทั่วถึงเป็นธรรมในทุกพื้นที่ เพราะวันนี้เหลื่อมล้ำกันมากพอสมควร การกระจายรายได้ยังไม่ดี รัฐบาลอยากจะเร่งรัด สิ่งที่ตนพูดมา
“มีใครเห็นว่าผิดบ้าง ถ้าผิดก็คงผิดจากที่เขาเขียนมา โชคดีที่ยังพอจำได้สมองไม่เสีย ด้วยความเป็นผม ผมต้องโทษตัวเองบ่นใครไม่ได้” นายกฯ กล่าว และว่าขอบคุณคนดีๆ ที่มาร่วมกันทำงาน คนไม่ดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว