ป่วน 4 จว.ใต้คืนเดียวกว่า 40จุด ทหาร-ตร.ไร้น้ำยาจับผู้ก่อเหตุตอกย้ำความรู้สึกรัฐเลี้ยงไข้                    

748


     
      ทิ้งท้ายตอนที่ 3 จะจบแค่ 4 ตอน แต่พอบทความถูกแชร์ออกไปมีแหล่งข่าวเป็นอดีตข้าราชการในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ส่งข้อมูลให้พร้อมบอกว่าอยากให้ถ่ายถอดถึงพฤติกรรมของบรรดาข้าราชการที่มีเส้นสาย อยากเติบโตในหน้าที่ราชการด้วยการใช้ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้เป็นบันไดไต่เต้า

     โดยอดีตข้าราชการเล่าว่าเกือบทุกหน่วยราชการ ล้วนแต่ถูกข้าราชการที่มีเส้นสาย มีแบ็กดีใช้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่เป็นเครื่องมือเพื่อความเจริญก้าวหน้าแทบทั้งสิ้น ทิ้งให้ข้าราชการลูกหม้อในพื้นที่กว่าจะขยับตำแหน่งได้เลือดตาแทบกระเด็น เพราะตำแหน่งหลักๆ ทางส่วนกลางส่งคนของตัวเองมาเด็ดยอดไปกิน โดยที่ไม่ได้รับรู้ปัญหาที่แท้จริงแต่อย่างใด

    อย่างตำแหน่งใน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาศอ.บต. ล้วนเป็นสมบัติผลัดกันชม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง คนในคาถาพรรคเพื่อไทยเหาะจากกระทรวงยุติธรรม มารับตำแหน่ง แบบที่ไม่ได้รับถึงปัญหาอย่างแท้จริง พอรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกเผด็จการทหารนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โค่นอำนาจเลขา ศอ.บต. เปลี่ยนมือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ส่งคนใกล้ชิดขั้วอำนาจมารับตำแหน่งถึง 3 คน
               
     มาถึงยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โชว์กำลังภายในผลักดัน พ.ต.ท.วรรณพงศ์ คชรักษ์ ลูกชายพล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายเก่า พ.ต.อ.ทวี เหาะจากกระทรวงยุติธรรมนั่งเลขาศอ.บต. แบบที่คนใน ศอ.บต.นั่งมองตาปริบๆแบบไม่รู้ว่า พ.ต.ท.วรรณพงศ์ เคยสนใจปัญหาความไม่สงบในพื้นที่มากแค่ไหน

     ถ้าย้อนดูถึงงบประมาณของศอ.บต.บรรดาข้าราชการต่างทราบดีว่ามีจำนวนมาก บ่อยครั้งที่ถูกใช้แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่ผลประโยชน์กลับไปตุงอยู่ในกระเป๋าของ ศอ.บต.ระดับหัว ซึ่งอดีตข้าราชการใน ศอ.บต.ได้เปิดข้อมูลว่าการใช้งบประมาณของ ศอ.บต.ไม่ค่อยรอบคอบ ขอประเด็นที่คนยะลานินทากันหนักคือ การซื้อโรงแรมร้างชางลี ของผู้ยิ่งใหญ่การเมืองบางกลุ่ม มูลค่าสูงถึง 124 ล้านบาทพร้อมตั้งงบฯปรับปรุงอีก 43 ล้าน เพื่อนำไปปรับปรุงเป็นสำนักงานของศอ.บต. ต่อมายุคพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งงบปรับปรุงอีก 96 ล้าน แต่ปัจจุบัน บางชั้นยังถูกปล่อยร้าง พอสะท้อนว่าใช้งบประมาณไม่คุ้มค่าและมาพร้อมข่าวลือว่าผู้เกี่ยวข้องเก็บเงินทอนกันแบบกระเป๋าตุง
           

      นอกจากนี้ ตำแหน่งใน ศอ.บต.ยังถูกข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ต้องการเรียนลัดเพื่อขยับนั่งเป็นเจ้าเมือง จะพากันวิ่งเต้นมานั่งในตำแหน่งรองเลขา ศอ.บต. เพราะเทียบเท่ารองเจ้าเมือง แถมได้อายุราชการทวีคูณอีกต่างหาก หรือตำแหน่งหัวหน้าส่วนต่างๆใน ศอ.บต.จะมีข้าราชการแบ๊กดีวิ่งเต้นมาเด็ดยอดไปไม่น้อย และเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เสี่ยงภัยแต่ถ้าเป็นตำแหน่งเสี่ยงภัยจะไปตกที่ลูกหม้อศอ.บต.

       ครั้นหันไปมองในวงการตำรวจก็ไม่ธรรมดา บรรดาตำรวจที่มีปลอกคอ แบ็กดีต่างพาเหรดย้ายลงไปรับตำแหน่งเพื่อได้อายุราชการทวีคูณ มานับอาวุโสผงาดสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ตำรวจหลายนายเส้นสายดี ย้ายจากทั้งเหนือ กลาง ตะวันออกและอีสาน ไปนั่งในตำแหน่งที่ไม่ต้องเสี่ยงภัย กิน นอน อยู่ในกองบัญชาการ หากจะเปลี่ยนที่นอนจะขับรถไปนอนพักตามโรงแรมหรู ใน อ.หาดใหญ่ สงขลา ถ้าเป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จะแย่งกันไปนั่งตำแหน่งโรงพัก 4 อำเภอ จ.สงขลา คือ จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย ทั้ง 4 อำเภอจะเกิดเหตุค่อนข้างน้อย
        ตำรวจเหล่านี้จะอยู่ในสังกัดของ ผบช.ภ.9 รอง ผบช.ภ.9  ถ้าเป็นระดับรองผู้บังคับการ(รองผบก.) ผบช.ภ.9 จะตั้งให้หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า สงขลา จะได้อายุราชการทวีคูณ  มีนายพลสีกาบางนาย ใช้บริการนี้ผงาดขึ้นเป็น ผบก.แบบที่ต้องรออายุราชการให้ครบก่อนถึงจะติดยศ พล.ต.ต.ได้ หรือนายพลตำรวจบางนายตัวไม่ได้ลงไปปฏิบัติงานจริง เพียงแค่ฝากชื่อไปอยู่กับหน่วยงานทหารยังใช้สิทธิ์นำอายุราชทวีคูณมานับอาวุโสเพื่อขอผงาดติดยศ พล.ต.อ. ก็เคยมี

       ขณะเดียวในห้วงที่เผด็จการทหารครองอำนาจ  นายทหาร นามสกุลดังบางคนอยากมีกิ๊ก แต่ไม่อยากควักกระเป๋าเอง ใช้บริการของตำรวจ ฝากกิ๊กให้เป็นตำรวจชั้นประทวน ทั้งที่ขาดคุณสมบัติเพราะอายุเกิน แต่นายพลตำรวจสีกากียุคนั้นตอบสนอง บรรจุให้เป็นชั้นประทวนสังกัดตำรวจสันติบาลพร้อมกับส่งรายชื่อให้ไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อรับเบี้ยเลี้ยงและเงินตอบแทนต่างๆ ซึ่งกรณีดังกล่าวเคยเกิดเรื่องฉาวโฉ่เพราะตำรวจหญิงคนดังกล่าวมีปากเสียกับทหารติดตามที่ ทหารระดับนายพลส่งไปดูแล มีการตั้งกรรมการสอบสวน แต่เรื่องเงียบหายไปกับสายลม ไม่ปรากฏว่าข่าวว่าผู้ที่ร่วมกระทำผิดถูกลงโทษแต่อย่างใด

       ข้อมูลที่ยกมาเพื่อสะท้อนแต่ละกลไกของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 4 จังหวัดชายภาคใต้ ล้วนแต่มีการทุจริต ฉ้อฉล หาประโยชน์ส่วนตัวเพื่อความร่ำรวยและไต่เต้าเพื่อสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยใช้ความทุกข์ของชาวบ้านในพื้นที่ 4 จังหวัดบันไดเหยียบ บริบทเหล่านี้คนในพื้นที่ต่างทราบกันดี แต่ไม่สามรถที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นชุดไหนเข้าแก้ปัญหาอย่างจริงจังได้เลย ได้แต่บอกกันแบบปากต่อปากว่านี่คือการเลี้ยงไข้


      ครั้งหน้าจะนำเสนอเป็นบทสรุปจบ เกี่ยวกับงบประมาณที่ถูกถลุงมาเกือบ 20 ปีว่าจำนวนเท่าไหร่พร้อมๆเทคนิคหาประโยชน์ของบรรดาข้าราชการผู้ใหญ่และนักการเมืองที่ใหญ่โตบางกลุ่ม !!!