ประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพรัฐสภามีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “กัณวีร์” นั่งกรรมาธิการรณรงค์ส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ของ IPU ที่เจนีวา หลัง “พิธา” ใช้สิทธิตัวแทนสมาชิกรัฐสภาจากประเทศไทยเสนอชื่อเข้าชิง
วันที่ 23 มีนาคม 2567 ที่เมืองเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ในการประชุม กลุ่มภูมิรัฐศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพรัฐสภา หรือ (Inter Parliamentary Union : IPU) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาจากประเทศไทย กล่าวเสนอชื่อกัณวีร์ สืบแสง ผู้แทนราษฎรจากพรรคเป็นธรรม ดำรงตำแหน่งในกรรมาธิว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
โดยพิธากล่าวในที่ประชุมว่า “เพื่อนร่วมงานของผม, คุณกัณวีร์ จะนำพลังงาน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และประสบการณ์ตรงจากการทำงานร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR โดยเขามีความเชี่ยวชาญทางด้านการปกป้องผู้ลี้ภัย การพลัดถิ่นภายในประเทศ และปัญหาบุคคลไร้รัฐ ตั้งแต่เมียนมา บังคลาเทศ ไปจนถึงเซาท์ซูดาน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย แต่เพื่อประโยชน์ของประชาคมอาเซียน ทวีปเอเชีย และทั่วโลก”
ประชุมได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากประเทศกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ให้นายกัณวีร์ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งนายพิธาได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีในความสำเร็จกับทีมไทยแลนด์ที่สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรรมาธิการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้สำเร็จ
ด้านกมธ. IPU ป้ายแดง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang” ระบุว่า “พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการขับเคลื่อนงานมนุษยธรรมเพื่อสันติภาพครับ ขอขอบคุณ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 คุณหมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา และสมาชิกรัฐสภา ที่เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา IPU 148 เสนอชื่อผมได้รับเลือกเป็น กรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมการเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ Comittee to Promote Respect of the International Humanitarian Law หรือ IHL ตัวแทนรัฐสภาไทย สัดส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครับ ทราบจาก ดร.โจ ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.พรรคก้าวไกล ด้วยว่า ได้รับเลือกมติเป็นเอกฉันท์จากกลุ่ม ASEAN+3 และต่อมาในกลุ่ม APAC ผู้แทนจากปากีสถานขอถอนตัว และให้การสนับสนุนผู้แทนจากไทย”
และว่า “ผมจะใช้ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจในการทำงานเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งงานมนุษยธรรมและการพัฒนาระหว่างประเทศ จำเป็นต้องสร้างสันติภาพที่จะเข้าไปจัดการกับรากเหง้าแห่งปัญหาด้วย หรือที่ในเวทีระหว่างประเทศใช้ศัพท์เทคนิคว่า Humanitarian Development Peace Nexus เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายของสหประชาชาติด้วยครับ ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงในเวทีโลก โลกต้องเปลี่ยนแปลงเพราะการผลักดันและความพยายามของไทยด้านมนุษยธรรม”
