ทันทีที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรได้รับการพักโทษ หลังเข้าเกณฑ์ และพ้นจากอาการเจ็บป่วย?ได้ออกเดินสายไปบ้านเกิด ไหว้บรรพบุรุษร่วมกับครอบครัวพบปะเพื่อนฝูง คนคุ้นเคยในพื้นที่ ซึ่งมีการห้อมล้อมด้วยบรรดานักการเมือง ข้าราชการประจำระดับสูง หลายสำนักหลายกระทรวง หลายทบวง กรม
ประชาชนในสังคมไทยดูภาพข่าวนี้แล้วรู้สึกอะไรหรือไม่ ? ผู้เขียนไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าถามว่าใช่ “ความปกติ”หรือเปล่า อันนี้ต้องมานั่งตั้งสติ ทบทวนกันให้ดี ๆ อย่างช้า ๆ
สถานะที่ไม่ใช่รัฐมนตรี ไม่ได้มีการแต่งตั้งอะไรเป็นทางการจาก “รัฐบาล” แต่ลักษณะกรเคลื่อนทัพ ห้อมล้อมด้วยอภิมหาข้าราชการที่ต้องทำงาน”รับใช้ประชาชน” เป็นสิ่งที่ชวนสงสัยมาก
หากแต่วันนี้ อดีตนายกฯทักษิณ ต้องการแสดงบารมีให้ห้วงที่การเมืองแบบก้าวหน้าก้าวไกล กำลังได้เข้าไปครองใจประชาชน ที่ไม่ชอบเผด็จการแบบทหารยึดอำนาจ เหมือนยุคที่ไทยรักไทยที่เสนออะไรใหม่ๆ ทำให้ประชาชนศรัทธาในจุดยืนนี้มานาน
แต่สถานการณ์การเมืองวันนี้ซับซ้อน ซ่อนเลื่อนไว้มาก เพราะประเทศไทยในยุคทักษิณ กับประเทศไทยในตอนนี้ “ไม่เหมือนเดิม”อีกต่อไปแล้ว
ไม่เหมือนเดิมทั้งการเสพข้อมูลข่าวสาร การรับรู้และเชื่อมั่น สามารถสูญสลายไปได้เพียงปลายนิ้ว ยุคที่ “ดิจิทัลฟุตปริ้นท” หรือหลักฐานเชิงประจักษ์ทั้งภาพ คลิป และเสียง รวมกับ “ความทรงจำของประชาชน”ที่เหมือนถูกหลอกทั้งเป็น ไม่จับมือกับ ป. ไหน ๆ ไม่ตระบัดสัตย์ ไม่ลืมพี่น้องคนเสื้อแดง
ผู้เขียนไม่ได้บอกว่า พรรคเพื่อไทยได้ทำสิ่งตรงข้ามหรือทำผิดอะไร เพียงแต่ว่า ประชาชนเขากินข้าว ไม่ได้กินหญ้า! เวลาต้องการคะแนนทำทุกอย่าง พูดทุกคำ เป็นคนดีมีสัจจะวาจา มีสัมมาคารวะ ประชาชนคือ “บุคคลสำคัญอันดับ1” แต่ผ่านไป6เดือน เริ่มชักไม่แน่ใจว่าประชาชนยังอยู่ในสมการ หรือในสมองของผู้มีอำนาจบ้างหรือไม่ อันตรายที่สุดของการไม่ฟังเสียงประชาชนคือทำผลงานอะไรไป ก็ไม่ได้ผลตอบรับ ประชาชนไม่เอาด้วย รอไประบายความแค้นในคูหา
แต่ทว่าอันตรายยิ่งกว่า คือ เวลาการทำงานของรัฐบาล ผ่านมาก6เดือนแล้ว ดิจิทัลวอลเลตก็ไม่เห็นเค้า ซอฟต์พาวเวอร์ชาวบ้านก็ ไม่เห็นจะได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ความสำคัญของความศรัทธา ในการทำการเมืองของนายกทักษิณ คือผลงานจับต้องได้เห็นชัดการตลาดดี แต่อย่างที่บอกว่าวันนี้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีโซเชียลมีเดีย มีหลักฐานในอินเตอร์เน็ต มี การสะท้อนเสียงของประชาชนได้โดยตรงไปถึงคนทำงานการเมือง ทำให้วันนี้ ต่อให้มีความตั้งใจมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่จริงใจ ตั้งแต่แรก ความพยายาม อาจทำให้ สูญเปล่า
เอาเข้าจริงถ้าข้าราชทุกกระทรวง พี่มารอต้อนรับ ได้กลับไปทำหน้าที่เพื่อประชาชน หรือขับเคลื่อนงานของรัฐบาล อย่างจริงจัง อาจจะมีประโยชน์มากกว่า กับประเทศ แต่สิ่งที่เขาทำวันนี้ไม่มีใครคิดถึงประเทศ คงคิดถึงตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ต้องมา present หน้าตาให้เห็น กับคนที่มีอำนาจตัวจริง ว่า ทำอะไรที่ไหนอย่างไรเพื่อหนทางในอนาคต แต่อยากจะย้ำอีกสักบรรทัดนึงอีกครั้งหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมแล้วครับ!!
