เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 ผู้สื่่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อออนไลน์ Voice TV โดยได้กล่าวถึง พล.ต.อ.ศรีวาห์ รังสิพราหมณกุล อดีต รอง ผบ.ตร.มือทำสำนวนสอบสวนคดีดังมามากมายว่า “สารวัตรคนแรกของพี่ก็คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” ท่านมีชื่อเสียงนะ บ้านหลังแรกของพี่ก็คือบ้าน ร.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พี่เป็นคนที่นอนบ้านเขาตั้งแต่เป็นร้อยตำรวจตรี น่าจะไม่ต่ำกว่า 7 ปี คนนี้ถือว่าเป็น Roll model ถ้าถามพี่นะ เขาคม ใครไม่รู้จัก”พล.ต.อ.ศรีวราห์“นี่ไม่ใช่นะ “พล.ต.อ.ศรีวราห์”คมมากครับ เก่งมาก การรวบรวมพยานหลักฐาน สอนทุกเรื่อง เป็นคนที่มีความรู้เรื่องสืบสวนสอบสวน เป็นคนที่มีความรู้ในกระบวนการยุติธรรมเกือบทุกมิติและพี่กำลังบอกว่า เวลาเราจับใครมันต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะพิสูจน์ความผิด เอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องร้องลงโทษนะครับ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาด้วย ไม่ได้พิสูจน์ความผิดอย่างเดียว ถ้าเขาบริสุทธิ์เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ในขณะเดียวกันถ้าเขาผิดเราก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เขาผิดเรื่องอะไร มาใหม่ๆเราเป็นตำรวจป่าไม้
พี่ศรีวราห์ บอกว่า ไอ้หลวงถ้าเข้าโรงเลื่อย หลวงถ้าหลวงเข้าโรงเลื่อยนะ หลวงอย่าไปอย่างอื่นเลย หลวงไปที่แท่นเลื่อยก่อน เพราะโรงเลื่อยส่วนใหญ่จะลักลอบตัดไม้สัก สิ่งที่หลวงเข้าโรงเลื่อยหลวงทำ 2 เรื่อง หนึ่งไปยึดบัญชีไม้แปรรูป กับไปยึดขี้เลื่อยที่หน้าแท่นเลื่อย เพราะอะไร เพราะในบัญชีไม้แปรรูปนี่ มันก็จะแปรเป็นไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้โน่นนี่นั่น แต่จริงๆมัน ส่วนใหญ่จะลักลอบแปรรูปไม้สัก มันจะต่างกัน ถ้าคุณบอกคุณในบัญชีจำหน่ายไม้แปรรูป ทำไมเป็นไม้แดง แต่ทำไมแท่นเลื่อยมันเป็นไม้สัก อย่างนี้
พี่ศรีวราห์ เขาจะสอนเรื่อง สังเกตไหมเวลารถบรรทุก เวลาเจอด่าน แล้วทำไมก่อน ก่อนจะถึงด่านมันจะมีไม้กระดก ซึ่งเมื่อก่อนมันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่พี่ศรีวราห์เขาบอก เวลาเจอรถบรรทุก ไปยืนข้างๆ ข้างถนนมันมีไม้ มันเหมือนเป็นท่อนไม้วางขวางถนน คอยฟังเสียง เวลาขนไม้เถื่อน มันจะเอาผ้าคลุมสมัยก่อนมันจะขนเยอะ มันจะเอาผ้าคลุม เราไม่สามารถจะเปิด รถตรวจได้ทุกคันหรอก เวลาวิ่งผ่าน ถ้าวิ่งมันกระโดดครับ มันจะมีเสียงไม้กระโดก “ไอ้คันนี้ขนไม้” ไอ้นี่แกจะสอน
พี่ศรีวราห์ จะเก่งคดี เชิงกฎหมายจะเรียกว่า Mala prohibita (การกระทำที่กฎหมายถือว่าเป็นความผิด) จำไม่ค่อยได้ ในคดีจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ Mala in se กับ mala prohibita
Mala in se คือ ฆ่าคนตาย ข่มขืนคน ทั่วโลกที่ไหนก็ผิดหมด ถ้าฆ่าคนตาย ถ้าข่มขืนคน แต่ Mala prohibita เป็นเรื่องที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นผิด หมายความว่าบางเรื่อง เช่น ตัดไม้ฉำฉา พี่มีไม้ต้นฉำฉาที่หน้าบ้านพี่ พี่ตัดมันพี่ไม่ผิดกฎหมายนะ แต่ไม้ฉำฉาตัวนี้ไปปลูก ไปขึ้นในป่าสงวนแห่งชาติ ไปติดสิ ผิด เห็นไหมครับ มันกำลังบอกว่า อันนี้”พี่ศรีวราห์“จะเก่งเรื่องระเบียบกฎเกณฑ์เหมือนกันครับ พี่ศรีวราห์บอกว่า การสอบสวนคดีพวกนี้ ถ้าจะเอาผิดคนแต่ละคน จะต้องไปสอบ ระเบียบไปสอบนิติกรของเขาก่อน ไม่ต้องไปสอบข้อเท็จจริง ให้ไปสอบนิติกรของเขาก่อนให้นิติกรเขาบอกก่อนว่าเรื่องนี้ปฏิบัติยังไง ก็สอบให้ละเอียดยิบเลย เสร็จแล้วก็กลับมาสอบข้อเท็จจริง แล้วเอาข้อเท็จจริงเปรียบเทียบกับระเบียบ ถ้าผิดก็ดำเนินคดีกับคนนั้นเลย อันนี้ก็อาจจะเป็นทริกเล็กๆน้อยๆ ที่เดิมที่เหมือนเวลาเราจะไปสอบสวนน่ะ หลายๆเรื่องมาเป็น ป.ป.ส.ก็เห็นนะ หลายเรื่องบางทีก็เอามาปรับใช้ได้ครับ
“ตำรวจส่วนใหญ่จับคน ก็จะเน้นพิสูจน์ความผิดของเขา แต่ลืมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา มันต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์เขาด้วย คืออย่าไปเห็นหน้าเขาว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา คนเราก็จะมักจะบอกเลยว่าต้องถูกดำเนินคดี ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วใจมันก็จะไม่เป็นกลาง ”เลขา ป.ป.ส.กล่าว
#ภาพและเสียง สัมภาษณ์ เลขาฯ ปปส. จาก Voice คลิกที่นี่
