สส.ภูเก็ต ตั้งกระทู้ถามนายกฯ “คดีฝรั่งเตะหมอ”

159

“ฐิติกันต์” ตั้งกระทู้ถามนายกฯ กรณี “ฝรั่งเตะหมอภูเก็ต” สะท้อนปัญหาสายสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ-ผู้มีอิทธิพล ร่วมกันเอื้อประโยชน์-ทำผิดกฎหมาย-เบียดบังทรัพยากรสาธารณะ ย้ำต้องไปให้พ้นจากเรื่องชาตินิยม ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเท่าเทียมกัน

วันที่ 7 มีนาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาถึงนายกรัฐมนตรี ต่อกรณีชายชาวสวิสทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงชาวไทย บริเวณริมชายหาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยอ้างว่าแพทย์หญิงคนนั้นบุกรุกเข้าไปในพื้นที่วิลล่าของเขา และอ้างว่าสนิทกับนายตำรวจใหญ่ อีกทั้งหลังเกิดเหตุยังมีตำรวจท้องที่มาถึงจุดเกิดเหตุ และข่มขู่ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายว่า ความผิดฐานบุกรุกมีโทษจำคุก 4 ปี ซึ่งหนักกว่าการทำร้ายร่างกายที่เพียงจ่ายค่าปรับก็จบ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีมาเป็นผู้ตอบแทน 

ฐิติกันต์กล่าวว่า นักธุรกิจต่างชาติคนดังกล่าวมีพฤติกรรมกร่าง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยนอกจากกรณีการทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงครั้งนี้แล้ว ยังมีอีกหลายกรณีที่ถูกเปิดเผยออกมา เช่น การขับรถขวางรถฉุกเฉิน ชูนิ้วกลางใส่ และแจ้งความดำเนินคดีกับคนขับรถฉุกเฉิน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุมีภาพที่นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 ชนแก้วไวน์กับนักธุรกิจต่างชาติรายนี้ด้วย 

แม้ว่าในช่วงเช้าวันนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้ลงนามอนุมัติเพิกถอนวีซ่านักธุรกิจคนดังกล่าวไปแล้ว แต่ตนก็ยังมีข้อกังวลว่าการดำเนินคดีหลังการเพิกถอนวีซ่าจะเป็นไปอย่างไร เพราะหากส่งตัวผู้ต้องหากลับประเทศก่อนได้รับการลงโทษ การดำเนินคดีก็จะยากลำบากขึ้น แล้วเราจะสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายได้อย่างไร รัฐบาลและตำรวจจะรับผิดชอบอย่างไรเพื่อให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง

ฐิติกันต์กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยพร้อมต้อนรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก แต่ขณะเดียวกันตนก็อยากให้ประเทศไทยมีการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยต้องไม่มีคนใดเป็นอภิสิทธิ์ชน แต่จากกรณีนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตถึงขั้นเปิดศาลากลางให้ผู้ต้องหาใช้แถลงข่าว ถือเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ อีกทั้งตำรวจท้องที่ที่ไปยังจุดเกิดเหตุและรองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 ก็ยังไม่เคยออกมาแถลงข่าวเพื่อสร้างความกระจ่างต่อสังคมเลย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับนักธุรกิจคนนี้หรือไม่

นอกจากนี้ ฐิติกันต์ยังตั้งคำถามถึงเอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ออกโดยมิชอบ โดยกรณีการก่อสร้างบันไดของวิลล่ายื่นลงไปยังชายหาด เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นการรุกล้ำที่สาธารณะจริง ซึ่งบันไดนี้จะสร้างไม่ได้เลยหากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงรู้เห็นเป็นใจ 

“ผู้ต้องหารายนี้เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลาย ๆ รายที่สะท้อนปัญหาใหญ่ของสังคมไทย สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องชาตินิยม ไม่ว่าจะคนไทยหรือชาติไหนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ คือการมาดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย แล้วข้าราชการในพื้นที่เลี้ยงดูปูเสื่อ ใช้ความสนิทสนมมาเป็นแนวทางในการหาผลประโยชน์ ข่มเหงรังแกบุคคลอื่น หรือการทำผิดกฎหมายใด ๆ รัฐบาลต้องเร่งจัดการ” ฐิติกันต์กล่าว

ทั้งนี้นายฐิติกันต์ตั้งคำถามไปยังรองนายกรัฐมนตรี 3 ประเด็น คือ รัฐบาลได้ดำเนินการใด ๆ ไปแล้วบ้างเพื่อตรวจสอบเส้นสายความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลคนนี้ รัฐบาลมีแนวทางอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อจังหวัดภูเก็ตจากการที่ชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นผู้มีอิทธิพล รัฐบาลมีแนวทางจะจัดการปัญหาการประพฤติมิชอบของตำรวจ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะในจังหวัดภูเก็ต อย่างไร

ด้านนายสมศักดิ์ตอบคำถามว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้ หลังเกิดเรื่องจึงได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ และพบว่านักธุรกิจคนดังกล่าวกระทำผิดจริง จึงได้ดำเนินการเพิกถอนวีซ่าไปแล้ว ส่วนกรณีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตนได้มอบหมายให้ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปรับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบด้วยตนเอง

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #ฐิติกันต์ฐิติพฤฒิกุล #กระทู้สดถามนายก #ฝรั่งเตะหมอภูเก็ต #สมศักดิ์เทพสุทิน