“ลุงป้อม” พาทีมบิ๊ก พปชร. ฟังเสียงชาวหนองคาย เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาอิสาน

502

“พล.อ.ประวิตร“ พา รัฐมนตรี สส. และผู้บริหาร พปชร. เปิดเวทีรับฟังปัญหา-ข้อเสนอแนะของ ปชช.จ.หนองคาย เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคอีสาน

วันที่ 3 มี.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย แกนนำพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ รองหัวหน้าพรรค, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นางสาวตรีนุช เทียนทอง, นายวราเทพ รัตนากร, นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และ สส.พปชร.​จำนวนมากร่วมเวทีสัมนา รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคอีสาน ณ ห้องประชุมโรงแรมพันล้าน บูติค รีสอร์ท จังหวัดหนองคาย โดยมีตัวแทนกลุ่มภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดเวทีเพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับผู้ที่รู้ปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงต้องขอขอบคุณผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ทุกท่าน ทั้งที่มาจากหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชน อาจารย์ นักวิชาการ ตลอดจน พี่น้องประชาชน ที่ได้เสียสละเวลามาเข้าร่วมเวทีครั้งนี้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐ ได้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการเพิ่มสิทธิและสวัสดิการความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชน ส่งเสริมสิทธิในที่ดินทำกิน และเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำ ระบบชลประทาน รวมถึง การแก้ปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้งให้เบ็ดเสร็จ ซึ่งได้ทำมาอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งประเทศ

อย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชารัฐตระหนักดีว่า การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาประเทศต้องคำนึงถึงบริบทและความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละจังหวัดและภูมิภาค จึงได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนารายภาคขึ้น โดยพรรคพลังประชารัฐได้เปิดเวทีในจังหวัดหนองคาย เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

“ข้อมูลที่ได้รับจากท่านในวันนี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคจะนำไปจัดทำเป็นยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาภาคอีสานให้มีความทันสมัยยึดโยงกับความต้องการของคนอีสาน และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีแรกของพรรคพลังประชารัฐ และก็จะมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในจังหวัดอื่นๆ ให้ครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร เพื่อนำยุทธศาสตร์รายภาคมาหลอมรวมให้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยต่อไป”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐเล็งเห็นว่าภาคอีสานมีทรัพยากรมากมายที่รอรับการพัฒนาซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่มจังหวัดอีสานเหนือมีศักยภาพเป็นศูนย์กลาง การลงทุนการขนส่ง และการค้าชายแดนของอนุภูมิภาค ลุ่มแม่น้ำโขง และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะต้องมีการยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและโลจิสติกส์ให้เชื่อมโยง กับ รถไฟ จีน – ลาว ส่วนกลุ่มจังหวัดอีสานกลางมีความเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน อินโดจีน ขณะที่อีสานใต้มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตร และอาหาร

“ความคิดเห็นของทุกท่านจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดยุทธศาสตร์และขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอีสานให้มีความเจริญ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างโอกาสให้ทุกคนตามเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการ “แก้ปัญหา ให้คนอีสานมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุข”

จากนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดย นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ได้ดำเนินการรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็น การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำเพิ่มรายได้ โดยต้องดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง โดยเน้นไปที่การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรกรรม, การแก้ปัญหาแล้งและท่วมอย่างยั่งยืน รวมถึงการให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญถึงการยกเครื่องอุตสาหกรรมเดิม สร้างอุตสาหกรรมใหม่ สร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจ BCG (เป็นเศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ที่ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศในด้านสังคม เศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และการแก้ปัญหาขยะสะสม

ในการเสวนาครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐได้ตั้งเป้าหมายในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสินค้าและการคมนาคมของประชาชน ทั้งถนน ราง ทางน้ำ และทางอากาศ ควบคู่ไปกับการเร่งยกระดับโครงข่ายดิจิทัล การเร่งรัดพัฒนาเครือข่าย 5G (เมืองอัจฉริยะ พื้นที่เสมือนจริง สุขภาพฯ ) นำประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งพัฒนาแรงงานรองรับระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต โดยสนับสนุนให้คนไทยพัฒนาและยกระดับทักษะ รวมถึงสนับสนุนงบประมาณแก่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

ทั้งนี้ การปฏิรูปรัฐราชการก็ถือว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของคนไทย พร้อมสร้างระบบ one-stop service เพื่อลดต้นทุนและความยุ่งยากในการติดต่องานภาครัฐและสถาบันการเงิน ปฏิรูประบบงบประมาณ และกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ #พปชร #หนองคาย