ผบ.ตร. เผย ยังประเมินผลไม่ได้หลังขยายเปิดผับตี 4 พื้นที่ โซนนิ่ง 5 จังหวัด ขอเก็บข้อมูลสถิติก่อน ย้ำ ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย พรบ.ควบคุมแอลกอฮอล์ฯ ควบคู่ไปด้วยขายสุราได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น
วันที่่ 18 ธ.ค.66 ที่ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าอาจจะยังไม่สามารถประเมินผลได้ เนื่องจากเริ่มดำเนินมาตรการได้ 2 วัน แต่การเปิดสถานบริการ-สถานบันเทิงนั้นถึงเวลา 04.00 น. นั้นถูกกำหนดให้เป็นโซนนิ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะต้องเป็นสถานบริการที่มีใบอนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในโรงแรม
ทั้งนี้ การจะประเมินจะต้องมีที่ภาพรวม อย่ามองเพียงเคสเล็กๆ และแม้จะมีการขยายเวลาเปิดบริการถึงเวลา 04.00 น. แต่ก็ยังคงมีกฎหมายตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่กำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 24.00 น. ซึ่งพอหลัง 24.00 น.ตำรวจก็จะมีการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจะไม่มีการละเว้นต้องใช้กฎหมายบังคับใช้ควบคู่ไป
โดยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ยังได้ฝากไปยังผู้ประกอบการสถานบริการ-สถานบันเทิง จะทำให้อะไรให้อยู่ภายใต้กฎหมาย การขยายเวลามีโซนนิ่ง ไม่ใช่ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาหลังมีการขยายเวลายังไม่ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง มีเพียงเหตุการณ์อุบัติเหตุบ้างที่ปรากฎตามสื่ไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. ต้องไปดูเหตุก่อนสาเหตุเกิดจากอะไร จากนั้นก็จะมาทำสถิติ ว่าเมาแล้วขับหรือไม่ หรือ เกิดจากสาเหตุอื่นๆ หรือไม่ ขอรอเวลาในเก็บข้อมูลและรวบรวมสถิติก่อน
ผบ.ต่อ ชี้แจงตั้ง “อัคราเดช” หน.ชุดสางคดี “140 ล้าน” แทน “รองฯโจ๊ก”
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี (ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนชุดใหม่ เเละทีมพนักงานสอบสวนชุดใหม่มากำกับดูแลคดี 140 ล้าน เดิมทีมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ว่า หน้างานสืบสวนเป็นส่วนรับผิดชอบของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่กำกับดูแล แต่เนื่องจากทราบว่าภาระขณะนี้มีหน้างานดูแลเยอะแล้ว เลยมอบให้ พล.ต.ท.อัครเดช เพราะอยู่ในสายงานสืบสวนรองจาก พล.ต.อ.ธนา และเคยอยู่ใน ภ.2 มาก่อน ซึ่งรู้จักพื้นที่และรู้จักคนเยอะ
โดยคดีนี้ตนไม่ได้สั่งการอะไรพิเศษ เพราะทำตามพยานหลักฐานอยู่แล้ว ตำรวจทำคดีไม่ได้ทำตามความรู้สึกหรือทำตามโซเชี่ยล ใครทำผิดก็ว่าไปตามนั้น