พล.ต.อ.เอก. ชี้ การแต่งตั้งตำรวจต้องมีระบบคุณธรรม อาจจะยากแต่ก็ต้องทำให้ได้เพราะสังคมยังต้องการให้ปกป้องตำรวจดีเพื่อทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2566 ผูัสื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ไพสน์เฟสบุค มีใจความระบุว่า : ผมได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งตั้ง วาระประจำปี 2566 ระดับ สว.-รอง ผบก.หลายกรณี ซึ่งจะต้องนำไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์การแต่งตั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับข้าราชการตำรวจต่อไป
เรื่องแรก เรื่องออกคำสั่งไว้แล้วภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ (30 พ.ย.2566)แต่ปรากฏว่า บางหน่วยเผยแพร่คำสั่งล่าช้า ซึ่งผมได้เคยโพสต์ไว้ว่าอาจเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ก.ตร.จะต้องปรับปรุงแก้ในกฎ ก.ตร.เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่จะใช้ปีหน้า
เรื่องที่สอง กรณีเมื่อวาระการแต่งตั้งประจำปี 2565 ตร.อ้างนโยบายปรับเปลี่ยนกำลังพล แต่งตั้งโยกย้ายทั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและสับเปลี่ยนหมุนเวียน แต่งตั้งข้าราชการตำรวจออกนอกหน่วยจำนวนมาก(นครบาล ตม. สอท. ภ.1/2/7)เป็นเหตุให้มีข้าราชการตำรวจร้องทุกข์เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนทั้งส่วนตัว ครอบครัว ไม่สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก.ตร.ได้มีมติเยียวยาและให้ข้อสังเกตให้ ตร.ไปดำเนินการแต่งตั้งกลับสังกัดเดิมหรือภูมิลำเนาตามสมควร
ผมและพล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิและประธาน อนุ.ก.ตร.ร้องทุกข์ได้ขออนุญาต ผบ.ตร.ปรึกษาหารือกับ รอง ผบ.ตร(บร.)ผบช.สกพ.ผบช.สง.ก.ตร.และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ประสานหน่วยต่างๆให้พยายามช่วยเหลือให้ย้ายกลับหน่วยเดิมหรือหน่วยใกล้เคียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้ทั้งหมด เพราะทราบว่าข้อจำกัดที่หน่วยต้นสังกัดไม่ยอมรับ เนื่องจากกระทบตำแหน่งที่จะต้องแต่งตั้งคนในหน่วยนั้นๆ
คำสั่งออกมาแล้ว หลายคนที่ ก.ตร.มีข้อสังเกตให้พิจารณาย้ายกลับ ไม่ได้รับการพิจารณา ทุกคนผิดหวัง รู้สึกท้อแท้และรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้ง เบื้องต้นผมได้แนะนำให้ใช้สิทธิร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร.ภายในกำหนดเวลาไว้ก่อน(30 วันนับแต่รับทราบคำสั่ง)
ผมและพล.ต.อ.วินัยฯก็รู้สึกเสียใจกับน้องๆกรณีดังกล่าว และได้พูดคุยกันเบื้องต้นจะต้องนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุม ก.ตร.เพื่อให้ ตร.แก้ไขปัญหานี้ต่อไป
เรื่องที่สาม มีข้าราชการตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นคำร้องต่อผู้บังคับบัญชาสมัครใจจับคู่ย้าย ขอย้ายกลับไปรับราชการยังหน่วยที่เคยสังกัดหรือภูมิลำเนา เพื่ออุปการะครอบครัว แต่ปรากฏว่าบางคู่ไม่ได้ย้าย เพราะต้นสังกัดไม่ปล่อยตัวหรือหน่วยปลายทางไม่ยอมรับตัว ซึ่งต้องนำมาพิจารณาว่ามีเหตุผลอธิบายได้หรือไม่อย่างไร ในการที่ไม่ได้ดำเนินการ ทั้งที่มีกฎเกณฑ์ให้พิจารณาดำเนินการได้
เรื่องสุดท้าย เรื่องการแต่งตั้ง รอง ผกก.ขึ้นเป็น ผกก. ซึ่ง พ.ต.ท.ภูมิรพี ผลาภูมิ ได้วิเคราะห์ไว้เกี่ยวกับสถิติการแต่งตั้ง รอง ผกก.(สอบสวน) เป็น ผกก.(สอบสวน) โดยกล่าวรวมถึงตำแหน่ง ผกก.หน.สน./สภ. เพราะตำแหน่งผกก.หน.สน./สภ. เป็นตำแหน่งสำคัญที่จะต้องควบคุม กำกับดูแลงานสอบสวน ปรากฏว่า รอง ผกก.(สอบสวน)ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็น ผกก.(สอบสวน) น้อยมาก และได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นผกก.หน.สน./สภ. ก็ยิ่งน้อยมากๆเมื่อเปรียบเทียบกับ รอง ผกก.ป.หรือ รองผกก.สส.
ขออนุญาตคัดลอกบางส่วนมาให้ทราบดังนี้
“ ภ 1, 2,5,8,9ให้ รอง ผกก.(สอบสวน)เลื่อนเป็น ผกก.(สอบสวน)มากกว่าภ.3,4,6,7 และ ภ.9 ให้ รอง ผกก.(สอบสวน)เป็น ผกก.หน.สภ.จำนวน2 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมากสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน ภ.3,4,6,7 ดูสถิติ ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการของผู้ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนค่อนข้างมืดมน ความเจริญก้าวหน้าพนักงานสอบสวนอยู่ในระดับพอใช้ ยังไม่ได้เลือนเป็น ผกก.หน.สน. และยังปันตำแหน่ง ผกก.สอบสวนให้สายงานอื่นขึ้น 6 ตำแหน่ง“
พ.ต.ท.ภูมิรพีฯสรุปให้ผู้บังคับบัญชา ผู้เกี่ยวข้องไปวินิจฉัยและกำหนดทิศทางการแต่งตั้งเพื่อให้เกิดผลดีต่อหน่วยงานและประชาชนต่อไป (ดูรายละเอียดใน Facebook กฎหมายตำรวจและพนักงานสอบสวน by ภูมิรพี ผลาภูมิ )
ขอบคุณ พ.ต.ท.ภูมิรพีฯมากๆครับ
ขอบคุณ พล.ต.ต.วีระ บุตรโพธิ์ อดีต ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เพื่อนร่วมรุ่น นรต.(พ)7 ที่ส่งบทวิเคราะห์ของ พ.ต.ท.ภูมิรพีฯมาให้ พร้อมข้อแนะนำและเสียงสะท้อนของน้องๆตำรวจในสายพนักงานสอบสวนและสายอำนวยการ อาจจะรู้สึกผิดหวังกับการแต่งตั้งครั้งนี้ จะพยายามแก้ไขครับ
ผมขอขอบคุณทุกๆท่านสำหรับทุกความคิดเห็นเกี่ยวกับกับปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ขอน้อมรับด้วยความยินดีและจะนำไปเสนอที่ประชุม ก.ตร.พัฒนาปรับปรุง แก้ไขให้ดีขึ้น การแต่งตั้งตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมอาจจะยากมาก ๆ (ซึ่งบางท่านอาจเห็นไปถึงว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม) แต่ก็ต้องพยายามทำให้ได้เพราะสังคมยังต้องการให้ปกป้องตำรวจดีเพื่อทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้กับประชาชนต่อไปครับ