“แป้ง นาโหนด”ปล่อย 3 คลิป เย้ยกระบวนการยุติธรรม ดูแคลนตำรวจ ยุค 5 G ไร้ศักยภาพ กับยุค กรมราชทัณฑ์ไร้น้ำยา

1199

                                   
                 หากใครได้ดูคลิปอย่างละเอียดของ นายเชาวลิต นาด้วง ฉายาเสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษหนีคดี ครบทั้ง 3 คลิป จะเห็นภาพความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เป็นภาพด้านมืดที่ผู้บังคับใช้กฎหมายใช้เอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิดที่มีทั้งอิทธิพลและเงินตรา  ซึ่งเป็นความจริงที่ต่างรับรู้และสร้างความปวดใจให้กับผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มคนเหล่านี้กระทำ

                  เนื้อหาที่เสี่ยแป้งแฉออกมา เชื่อว่าคนที่ดูคลิปส่วนใหญ่เข้าข้างเสี่ยแป้งมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ และเป็นการตอกย้ำถึงความไร้ศักยภาพของเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไล่ล่าเสี่ยแป้งไม่ว่าจะเป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงไอซีที

               โดยเฉพาะตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและชุดจับกุม จัดว่าล้มเหลวที่สุด เพราะนับแต่เสี่ยแป้งหลบหนี มีการระดมจัดชุดพิเศษ ทั้งตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธร และตำรวจตระเวนชายแดน ออกไล่ล่าด้วยอาวุธครบมือ มีเฮลิคอปเตอร์สนับสนุน เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละกว่า 1 แสนบาท แต่คว้าน้ำเหลว

              ขณะที่กรมราชทัณฑ์จัดกำลังสนับสนุน หาเบาะแสแถมตั้งค่าหัวสูงถึง 1 ล้านบาท กลับไม่มีเบาะแส แถมชาวบ้านแทบเทือกเขาบรรทัดแทบจะให้ความร่วมมืออีกต่างหาก

            แต่ที่น่าปวดใจที่สุดก็ปล่อยให้ไอ้เสี่ยแป้ง สามารถหลบหนีลงจากเขาบรรทัดได้เหมือนล่องหน แถมออกมาอัดคลิปแฉความเน่าเฟะของคนในกระบวนการยุติธรรมอีกต่างหาก

        โดยที่ตำรวจไซเบอร์และกระทรวงไอซีที ไม่มีปัญญาเจาะหาแหล่งที่มาของคลิปได้และปล่อยให้ออกมาถึง 3 รอบ ทั้งที่ในความจริงแล้วเสี่ยแป้งควรจะพบจุดจบตั้งแต่คลิปแรกแล้ว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานหากดูงบประมาณแล้วมีจำนวนมหาศาล แต่กลับไร้น้ำยาที่จะแกะรอยสาวถึงต้นตอแพร่คลิป จึงไม่แน่ใจว่าเครื่องมือที่ตำรวจไซเบอร์ครอบครองอยู่นั้นใช้เฉพาะไว้จับพวกพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่ส่งส่วยเท่านั้นหรือ? เพราะข่าวสะพัดว่าส่วยพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์จ่ายหนักกว่าทุกยุคที่ผ่านมา

              ครั้นหันมามองในส่วนของตำรวจสืบสวนและตำรวจสันติบาล ถือว่าสอบตกถึงขั้นล้มเหลว เพราะแค่ไอ้เสี่ยแป้งเพียงคนเดียว กลับไม่สามารถสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวได้เลย ผิดจากในอดีตถ้าขึ้นชื่อว่าตำรวจสืบสวนหรือตำรวจสันติบาล การข่าวขี้ประติ๋วแบบนี้ไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน

          จึงไม่แน่ใจว่าตำรวจยุค 5 G ทั้ง 2 หน่วยในยุคนี้เก่งแต่สืบสวนว่าที่ใดมีธุรกิจผิดกฎหมายหรือธุรกิจสีเทา หรือธุรกิจที่หมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย แล้วบุกเข้าไปขึ้นราคาส่วย เหมือนกับกรณีตำรวจภูธรภาค 6 ที่บินข้ามประเทศไปขึ้นค่านักเลงถึงฝั่งพม่า 

         ซึ่งผลงานลักษณะนี้ส่วนใหญ่บิ๊กตำรวจจะพึงพอใจ เพราะถ้าไม่พึงพอใจผลสืบสวนสอบสวนส่วยข้ามประเทศ และส่วยรถบรรทุกของกำนันนก ตำรวจที่เกี่ยวข้องคงจะถูกสอบสวนทั้งทางวินัยและอาญาไปแล้ว แต่กลับเงียบยิ่งกว่าเป่าสาก

       ขณะที่กระทรวงยุติธรรมที่เป็นต้นตอของปัญหาปล่อยให้เสี่ยแป้งหลบหนี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กลับเฉยเมยไม่ดำเนินการใดๆกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หรือเพราะกลัวไปกระทบกับความเป็นอยู่ของคนชั้น 14 แต่กลับไปจัดการกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ที่กำลังลุยคดีหมูเถื่อนอย่างรุดหน้าบุกค้นห้างเจ้าสัวใหญ่

        ดังนั้นหากตำรวจ อัยการ กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงไอซีที ยังวางเฉยไม่ร่วมมือกันแชร์ข้อมูลเพื่อติดตามจับกุมเสี่ยแป้ง แล้วนำตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเนื้อหาในคลิปคือความจริงหรือไม่

      ถ้าเป็นความจริงตัวละครที่เสี่ยแป้งเอ๋ยถึง ไม่ว่าจะเป็น อัยการ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ รวมถึงพลตำรวจตรี ก. ที่มีข่าวสะพัดว่าเกื้อหนุนเสี่ยแป้ง จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถ้าพบกระทำผิดจริง ต้องดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาดเพราะบุคคลเหล่านี้สร้างลอยด่างให้กับกระบวนการยุติธรรม

     แต่ถ้าดำเนินการในลักษณะที่จับตัวเสี่ยแป้งได้แล้ว ให้ยุติทุกเรื่องที่มีการระบุในคลิป โดยไม่มีการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด รับรองความน่าเชื่อถือของคนในกระบวนการยุติธรรมจะหมดสิ้น และข้อครหาที่ว่ากระบวนการยุติธรรมไทย สามารถวิ่งเต้นได้จะคงดำรงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป คุกมีไว้ขังคนจนยังคงความขลังมิเสื่อมคลาย

    ดังนั้นเพื่อไม่โจรอย่างเสี่ยแป้ง มาดูแคลนกระบวนการยุติธรรม เย้ยตำรวจไร้ศักยภาพ ต้องเร่งดำเนินการจับเป็นเสี่ยแป้งโดยเร็วแล้วขยายผลเอาผิดกับตำรวจ อัยการ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นที่เกี่ยวข้องทันที

   แต่ถ้าตำรวจเล่นบทจับตายเสี่ยแป้ง หวังตัดตอนข้อเท็จจริงในคลิป รับรองว่าวลีที่ว่าสังคมจะเชื่อโจรมากกว่าผู้บังคับใช้กฎหมายจะดังกระหึ่มตลอดไป !!!